HOME > Articles > AI NEWSLETTER Vol.63 งานที่คุณทำอยู่ในตอนนี้ อีก 5 ปี จะยังอยู่ไหม ? ~ 7 แนวทางเพื่อการอยู่รอดในยุค AI – JUN, 2025
Newsletter

AI NEWSLETTER Vol.63 งานที่คุณทำอยู่ในตอนนี้ อีก 5 ปี จะยังอยู่ไหม ? ~ 7 แนวทางเพื่อการอยู่รอดในยุค AI – JUN, 2025

19 มิ.ย..2025

งานที่คุณทำอยู่ในตอนนี้ อีก 5 ปี จะยังอยู่ไหม ?
~ 7 แนวทางเพื่อการอยู่รอดในยุค AI

Generative AI กำลังเข้ามามีบทบาทในการทำงานของเราอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้แทบจะไม่มีงานไหนที่ยังไม่ใช้ AI เข้ามาช่วยในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานแปล การสรุปบันทึกการประชุม หรือการจัดทำเอกสารสัมมนา หรือแม้แต่ผมเองก็ใช้ AI เข้ามาช่วยหาข้อมูลและเตรียมเนื้อหาให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเหมือนกันครับ

แต่ก็มีหลายคนที่กังวลว่า “AI จะเข้ามาแย่งงานไปไหม” หลายท่านที่อ่าน Newsletter ฉบับนี้น่าจะทำงานสายออฟฟิศ (White Collar) งานประเภทนี้กำลังค่อย ๆ ถูก AI เข้ามาแทนที่อย่างช้า ๆ แน่นอนครับ

คุณกล้าพูดไหมครับว่า “อีก 10 ปีข้างหน้า งานของคุณจะไม่ถูก AI เข้ามาแทนที่”? พูดตามตรง แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่กล้าฟันธงเลยครับ

Newsletter ฉบับนี้ ผมจะขอพูดถึงประเด็นเตือนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันครับ


อีเมลของ Kaufman
ช่วงที่ผ่านมา มีอีเมลฉบับหนึ่งจาก Micha Kaufman ซีอีโอของ Fiverr บริษัทจากอิสราเอล ที่กลายเป็นไวรัลใน X (Twitter) เขาเตือนพนักงานทุกคนว่า “AI กำลังจะมาแทนที่พวกคุณ” และเรียกมันว่า “ความจริงที่ไม่น่าพิศมัย” ผมขอยกเนื้อหาบางส่วนมาให้ลองอ่านกันครับ

———————

สวัสดี ทีมงานทุกคน

ผมเชื่อมาตลอดว่า “การพูดอย่างตรงไปตรงมา (Radical Candor)” คือสิ่งสำคัญ เชื่อว่าความปรารถนาดีที่แท้จริงคือการบอกความจริงอย่างชัดเจนแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องน่าพิศมัย ไม่ใช่การพูดอ้อมค้อมให้ดูดีหรือหลีกเลี่ยงความจริง หากคุณเป็นห่วงและแคร์เพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานของคุณจริง ๆ คุณก็ควรจะพูดความจริง เพราะมันจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจคุณ ช่วยให้เขาได้เติบโตและประสบความสำเร็จ

และนี่คือความจริงที่ไม่น่าพิศมัย

AI กำลังเข้ามาแย่งงานพวกคุณ แม้แต่งานของผมก็ไม่มีข้อยกเว้น และนี่คือเวลาที่พวกคุณควรรู้ตัวได้แล้ว

ไม่ว่าคุณจะเป็นโปรแกรมเมอร์ ดีไซน์เนอร์ โปรดัคเมเนเจอร์ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) ทนายความ ฝ่ายบริการลูกค้า ฝ่ายขาย หรือแม้กระทั่งนักบัญชีก็ตาม AI กำลังมองหาวิธีเข้ามาแทนที่คุณ

นับจากนี้ไป งานที่เคยถูกพิจารณาว่าเป็น “งานง่าย” จะไม่มีอีกต่อไป “งานยาก” จะกลายเป็น “งานง่าย” แบบใหม่ และงานที่เคย “เป็นไปไม่ได้” จะกลายเป็น “งานยาก” แทน ถ้าคุณไม่สามารถพัฒนาตนเองให้มีความสามารถโดดเด่น เชี่ยวชาญในสายงานของคุณ คุณอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็ได้

———————

คำเตือนที่ว่าถ้าไม่พัฒนาตนเองให้มีความสามารถโดดเด่นในสายงานของตน “ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอาจจะต้องเปลี่ยนงาน” อาจจะฟังดูน่ากลัวก็จริง แต่เมื่อดูจากศักยภาพของ ChatGPT ในปัจจุบัน มันก็ไม่เกินจริงที่ AI จะเข้ามาทำงานแทนล่าม โปรแกรมเมอร์ นักออกแบบ หรือนักวิจัยได้ในอนาคตอันใกล้ (ซึ่งในหลายงานก็อาจจะถูก AI เข้ามาแทนที่แล้ว)

ความเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นในระยะเวลา 5 ปี หรือ 10 ปี แต่กำลังเกิดขึ้นภายใน 6 เดือน – 1 ปีจากนี้ ดังนั้น ผู้คนจึงควรพัฒนาทักษะและเพิ่มมูลค่าให้ตนเองเพื่อให้สามารถรักษางานของตนไว้ได้

หากคุณเป็นผู้บริหารหรือผู้จัดการฝ่ายบุคคล คุณก็จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายให้พนักงานแต่ละคน “เติบโตอย่างรวดเร็ว” ไม่มีใครอยากลดจำนวนพนักงานที่ไม่จำเป็น แต่มันก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าความสามารถในการแข่งขันของใครสูงกว่า ถ้าให้เลือกระหว่างองค์กรที่มีพนักงานมากกับองค์กรที่มีพนักงานน้อย

ดังนั้น Micha Kaufman จึงให้คำแนะนำไว้ 7 ข้อ ดังนี้


7 แนวทางเพื่อการอยู่รอดในยุค AI

  1. ศึกษา ทดลองและใช้งานเทคโนโลยี AI ล่าสุดในการทำงานสาขาของคุณให้เชี่ยวชาญ
  2. ตามหาบุคลากรที่เชี่ยวชาญเรื่อง AI มากที่สุดในองค์กรและเรียนรู้จากเขาอย่างตั้งใจ
  3. “เวลา” เป็นต้นทุนที่มีค่าที่สุด การทำงานด้วยความเร็วเหมือนช่วงปี 2024 อาจจะช้าเกินไปแล้ว หลังจากนี้จะต้องสร้างผลลัพธ์ที่ “เร็วกว่าเดิม เยอะกว่าเดิม และมีประสิทธิภาพกว่าเดิม”
  4. จงเป็น Prompt Engineer การใช้ Google มันเก่าไปแล้ว หากคุณไม่สามารถใช้ LLM (โมเดลภาษาชนิดหนึ่ง) หรือ Generative AI ทำงานในสายของคุณได้ คุณค่าของคุณจะลดลงอย่างรวดเร็ว
  5. มีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กรด้วยการใช้ AI แทนการจ้างงานเพิ่ม เพราะสิ่งที่สำคัญคือการพิจารณาว่าเราสามารถสร้างผลลัพธ์ออกมาได้มากแค่ไหนด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน
  6. เข้าใจกลยุทธ์บริษัทและมีส่วนร่วมเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อย่ารอโอกาสที่คนจะมาขอไอเดีย แต่จงค้นหาไอเดียด้วยตนเอง และทำมันอย่างตั้งใจ
  7. อย่ารอโอกาส เราต้องสร้างโอกาสในการเรียนรู้และเติบโตด้วยตนเอง เราต้องสนับสนุน “คนที่ลงมือทำด้วยตนเอง” อย่างเต็มที่

จากคำแนะนำเหล่านี้ บางคนอาจจะสงสัยว่าแล้วตัวเราจะทำอะไรได้บ้าง

งานของฝ่ายบุคคลและบทบาทของที่ปรึกษาจะเปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน ตัวผมเองก็ยังคงถามคำถามนี้กับตัวเองและค้นหาคำตอบที่เหมาะสมท่ามกลางยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้อยู่เช่นกันครับ