Newsletter
พบกันอีกครั้งในจดหมายข่าวครั้ง 2 จาก Asian Identity ผู้เขียนคาดว่าท่านผู้อ่านหลาย ๆ ท่าน น่าจะเป็นคนที่ทํางานอยู่ในฐานะหัวหน้าใน องค์กรต่าง ๆ ไม่มากก็น้อย ในจดหมายข่าวฉบับนี้จึงขอชวนท่านผู้อ่านทุกท่านมาทบทวน และขบคิดร่วมกัน ว่าจริง ๆ แล้ว งานหรือหน้าที่ ของคนที่เป็นหัวหน้า หรือ ผู้นํา ในองค์กรเป็นอย่างไรบ้าง
งานที่สําคัญที่สุดของคนที่ทําหน้าที่เป็นผู้นําในองค์กร คือ ‘การทําให้คนในทีมรู้จักวิสัย ทัศน์ของตนเอง’
ถ้าเรากล่าวถึง ‘ผู้นําท่ียิ่งใหญ่ของเอเซีย’ แล้ว คงมีหลายคนท่ีจะนึกถึง ‘ลี กวนยู’ อดีต ผู้นําของสิงค์โปร์ที่สามารถนําพาประเทศเกาะเล็ก ๆ ในคาบสมุทรมลายูให้กลายมาเป็นหน่ึง ในประเทศมหาอํานาจทางเศรษฐกิจได้ภายใน generation เดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าตอนน้ีเค้า จะล่วงลับไปแล้วก็ตาม แต่เรามีส่ิงที่สามารถเรียนรู้ได้จากความเป็นผู้นําและผลงานที่เค้าได้ สร้างขึ้นได้อย่างมากมาย
ประเทศสิงค์โปร์เป็นประเทศที่มีคนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นคนเชื่อสายจีน มาเล และอินเดีย ซ่ึงปัญหาเรื่องการรวมความคิดคนในชาติให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวนั้น เป็นปัญหาท่ีถูกกล่าวขานกันเป็นอย่างมากตั้งแต่สมัยก่อต้ังประเทศ ซ่ึงเป็นสาเหตุสําคัญท่ี ทําให้สิงค์โปร์ให้ความสําคัญกับการสงวนรักษาการเป็น ‘การเป็นสังคมที่ยอมรับในหลาก หลายเชื้อชาติ (Multiracialism)’ ตลอดมา และเนื่องจากสิงค์โปร์เป็นประเทศที ่ไม่มี ทรัพยากรอื่นนอกจากการพัฒนา ‘คน’ จึงทําให้สิงค์โปร์ให้ความสําคัญกับ ‘หลักการ บริหารที่เน้นความรู้ความสามารถของบุคคลเป็นหลัก (Meritocracy)’ เป็นอย่างมาก ซ่ึง 2 ส่ิงนี้นับว่าเป็น ‘วิสัยทัศน์ (Vision)’ ที่อดีตผู้นําได้กล่ าวถึงตลอดเวลาที่บริหารประเทศและ สามารถทําให้เกิดขึ้นจริงได้ตามท่ีต้ังเป้าหมายไว้
ลักษณะของการตั้งวิสัยทัศน์แบบชัดเจนลักษณะนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนพูดกันว่าเป็นสิ่งที่คน ญี่ปุ่นไม่ค่อยถนัดเท่าไรนัก เนื่องจากญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการสื่อสารแบบ high context culture คือ การที่ ‘ ผู้ส่งสารไม่จําเป็นต้องพูดตรง ๆ ผู้รับสารก็สามารถเข้าใจสิ่งที่ต้อง การส่ือสารได้’ เลยเป็นเหตุทําให้ไม่จําเป็นต้องพูดอย่างชัดเจน เช่น ถ้าเรากล่าวถึง ‘สังคมที่ ดี’ ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นด้วยกันเองก็จะเข้าใจคําจํากัดความได้ตรงกันได้โดยไม่ต้องอธิบาย แต่ ถ้าเป็นคนชาติอื่นส่วนใหญ่จะต้องการคําอธิบายว่า ‘ส่วนที่ดีของสังคมนั้นคืออะไร’ จนกว่า จะเข้าใจ ‘บริษัทที่ดี’ สําหรับคุณอาจจะหมายถึง ‘บริษัทที่มีงานที่ทําแล้วรู้สึกได้อุทิศตัวเป็น ประโยชน์’ แต่สําหรับอีกคนอาจจะหมายถึง ‘บริษัทที่มีงานสบาย’ ซึ่งจะทําให้การทํางานไป คนละทิศคนละทาง
ทั้งนี้ ผู้นําที่เราพูดถึงในบทความนี้เราไม่ได้จําเพาะเจาะจงหมายถึงผู้นําสูงสุดขององค์กร เพียงแค่คุณอยู่ในตําแหน่งที่ต้องมีลูกน้องแค่คนเดียวก็ตาม การตั้งวิสัยทัศน์ก็ถือเป็นเรื่อง สําคัญมากแล้ว เราอาจจะสามารถเริ่มได้เลยจากเรื่องง่าย ๆ เช่น ‘เราจะทําให้ท่ีทํางานเป็นท่ี ที่สนุก’ หรือ ‘เรามาร่วมกันลดและป้องกันข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นจากการทํางานกัน’ เป็นต้น การที่เราให้พนักงานแต่ละคนเล่าถึง ‘ส่ิงที่อยากให้บริษัทเป็น’ เพ่ือให้ความคิดของ แต่ละคนเป็นแบบอย่างให้กันและกันนั้น เราเรียกสิ่งนี้ว่า ‘Shared Leadership’ ซึ่งการ บริหารนโยบายองค์กรจะไม่ได้มาในลักษณะ top down จากข้างบนลงข้างล่าง แต่จะ เป็นการสร้างองค์กรแบบ ‘share’ และต้องมี ‘ผู้นําในองค์ กรหลายคน’ ซ่ึงโดยส่วนตัวแล้ว คิดว่าน่าจะเหมาะกับวัฒนธรรมคนเอเซียเป็นอย่างมาก
ใช้ ‘เรื่องราว’ เป็นตัวเล่าเรื่อง
ในกรณีที่มีหัวหน้าหรือว่าลูกน้องเป็นคนต่างชาติมักจะติดปัญหาเรื่องภาษาและการสื่อสาร ทําให้การเล่าวิสัยทัศน์ให้ฟังอย่างเข้าใจจะเป็นเรื่องที่ยากขึ้นมาทันที ซึ่งกรณีนี้มีเคล็ดลับ อย่างหน่ึงคือ การอธิบายความหมายของวิสัยทัศน์ผ่านการเล่าให้เป็น ‘เรื่องราว’
เรื่องราวในที่นี้อาจเปรียบเทียบได้กับนิทาน ‘กาลครั้งหนึ่งนานมากแล้ว…’ ที่คุณแม่อ่านให้ คุณลูกฟังก่อนนอนในวัยเด็ก ซ่ึงเวลาที่เราฟังเรื่องราวเหล่านี้ เราจะจินตนาการ ‘ภาพ’ ใน สมอง และหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวต้ังแต่ต้นไปเรื่อย ๆ ในสมองของเราก็จะนึกภาพตาม เอามาปะติดปะต่อและทําให้ ‘เห็นภาพเป็นเรื่องราว’ ได้ตามเนื้อความท้องเรื่อง และถ้าเรา สามารถเล่าเรื่องเป็น จะทําให้ผู้รับสารสามารถเข้าใจเน้ือหาได้โดยไม่จําเป็นต้องเข้าใจเนื้อหา คําพูดของภาษาทั้งหมด ดังเช่นหนังในโรงภาพยนตร์ที่สามารถนําไปฉายในประเทศไหน ก็ได้ เพราะภาพเคล่ือนไหวที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ตามในโลกก็ดูเข้าใจตรงกัน
ที่ผมยกตัวอย่างเกี่ยวกับ ลี กวนยู เมื่อสักครู่นี้ อดีตผู้นําเคยกล่าวไว้สมัยที่ประเทศสิงค์โปร์ ยังไม่มีอะไรเลยว่า ‘ผมเห็นภาพว่า อีกหน่อยประเทศนี้จะกลายเป็นประเทศที่มีแต่ตึกสูง ๆ เป็นจํานวนมาก’ ซึ่งก็เป็นวิธีสร้างภายให้เห็นเป้าหมายร่วมกันเช่นเดียวกัน ถ้าเราบอกกับ ลูกน้องของเราด้วยภาพที่ทุกคนนึกออกร่วมกันง่าย ๆ เช่น ‘ทุกคนลองนึกภาพพร้อม ๆ กันครับว่า เราจะช่วยกันทําให้ออฟฟิศของเราเป็นระเบียบสวยสะอาดน่านั่งทํางานกันเถอะ’ ทุกคนก็จะเห็นภาพ เข้าใจ และจําเป็นภาพได้ง่ายๆ และที่สําคัญคือ สามารถนําไปปฏิบัติต่อได้ง่าย
ให้คําจํากัดความของคําว่า ‘WE หรือ ทีม’
ประเด็นสุดท้ายท่ีอยากฝากไว้คร้ังนี้คือเร่ืองของการสร้างความรู้สึกเป็น ‘ทีมเดียวกัน’ ดังท่ีในบทความครั้งแรกผมเคยเขียนถึงคนสิงค์โปร์ท่ี พูดว่า ‘อย่าลืมว่าพวกเราเป็นคนเอเซียเหมือนกัน’ ระหว่างการคุยเรื่องงานกันนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีมาก เพราะการสร้างความรู้สึกว่า ‘พวกเรา เป็นพวกเดียวกัน’ จะช่วยทําให้ทุกคนมองเห็นภาพและมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันได้เห็นอย่างดี
ในกรณีที่ที่ทํางานของเรามีคนญี่ปุ่นและคนไทยทํางานร่วมกันก็เช่นเดียวกัน เราจะสร้างให้เกิดความรู้สึก ‘เป็นพวกเดียวกัน’ ได้โดยการใช้ ลูกค้าในการสร้าง ‘ภาพที่มองเห็นร่วมกัน’ เช่น ถ้าเป็นบริษัทที่ผลิตอาหารก็จะหาภาพรวมกันว่า ‘เราจะทําให้คนไทยได้มีโอกาสทานอาหารที่มี ประโยชน์และดีต่อสุขภาพ’ เป็นต้น หรือเมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสไปทํางานให้กับบริษัทผู้ผลิตจักรยานยนต์ ก็ได้สัมผัสว่าคนเหล่านั้นมีภาพ ร่วมกันชัดเจนว่า ‘พวกเราหลงรักและคล่ังไคล้ในยานพาหนะที่เรียกว่ามอเตอร์ไซต์’ เป็นอย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการสร้างความรู้สึกเป็น พวกเดียวกันและหาภาพรวมกันนั้นสามารถที่จะทําให้ก้าวข้าม ‘ความแตกต่าง’ ของกันและกันเพื่อสื่อสารวิสัยทัศน์กับคนในองค์กรได้เป็น อย่างที่
นอกจากน้ี ทางเอเชียน ไอเดนติตี้ ได้จัดเวิร์คชอปสัมมนาเปิดสําหรับบุคคลท่ัวไปสําหรับผู้จัดการและผู้นําทีมในหลากหลายหัวข้อ หากท่านผู้ อ่านสนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามรายละเอียดด้านล่างครับ

Asian Identity ให้บริการเป็นที่ปรึกษา และออกแบบหลักสูตรเพื่อพัฒนาผู้ จัดการและผู้บริหารให้กับบริษัทและองค์ร ต่าง ๆ ในไทยและอาเซียน
การพัฒนาศักยภาพและทักษะการ บริหารนั้น ควรจะเน้นไปที่การเรียนรู้จาก ประสบการณ์ และการประยุกต์ต่อยอด เพื่อนําไปปฏิบัติได้จริงมากกว่าการสอ นทฎษฎีการบริหารอย่างเดียว
หลักสูตรของเราอยู่ในรูปแบบเวิร์คชอบ บนการคิดวิเคราะห์เชิงลึก และการเปิดD Dialoque ถกเถียงต่อยอดร่วมกันใน หัวข้อที่เป็นหัวใจของงานบริหาร เช่น การดูแลและพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชา การบริหารงานVSบริหารคน การ พัฒนาตนเองในฐานะผู้บริหาร เป็นต้น
เราเชื่อว่า การพัฒนาองค์กร ต้องเริ่มจากการพัฒนาคน และคนชุดแรกท่ีควรจะได้รับการพัฒนาคือ ผู้นําในองค์กร ถ้าผู้จัดการและทีม ลีดเดอร์มีแนวความคิดในการบริหารคนและพัฒนาทีมตนเองไปในทิศทางเดียวกับวิสัยทัศน์ของบริษัทแล้ว สมาชิกลูกทีมก็จะแสดงศักยภาพ และพัฒนางานไปในทิศทางเดียวกันด้วยเช่นกัน
Asian Identity เปิดหลักสูตรอบรมสัมมนาทั่วไปสําหรับผู้จัดการระดับต้นถึงระดับกลาง และผู้ที่สนใจเรียนรู้เก่ียวกับการบริหารและพัฒนาทีม ในหลักสูตรสามวัน บริหารทีมรุ่นใหม่ ไม่อยากอย่างที่คิด – Managmanagement mindset & Action workshop [MMA] เน้นให้ผู้เข้าร่วม ได้เรียนรู้หัวใจการบริหารงาน บริหารคน บริหารทีม เติมเต็มทักษะความสามารถที่ผู้บริหารทีมรุ่นใหม่ต้องมีและขาดไม่ได้
มาทําความเข้าใจบทบาทผู้นําท่ีถูกต้อง และพัฒนาทักษะการบริหารท่ีสําคัญ เช่น ทักษะการส่ือสารเพ่ือประสิทธิภาพและสร้างแรงจูงใจในการ ทํางานของทีม การวางแผนและวิธีคิดอย่างผู้นํา รวมถึงแนวทางในการแก้ปัญหาในทีม ทําอย่างไรเมื่อต้องบริหารทีมน้องใหม่ หรือการสร้าง ความไว้วางใจภายในทีม ร่วมแบ่งปันประสบการณ์จากหลากหลายประสพการณ์ เพ่ือนําเทคนิคการบริหารไปประยุกต์ใช้ในองค์กรของคุณ
[content_block id=1898 title=yes title_tag=h3]
23 ธ.ค., 2018
Newsletter AI NEWSLETTER Vol.21 “การ Feedback อย่างมีประสิทธิภาพ” คือ อะไร
24 พ.ย., 2017
Newsletter AI NEWSLETTER Vol.8 การปรับเปลี่ยนการสื่อสารภายในองค์กร
04 พ.ย., 2019
Newsletter AI NEWSLETTER Vol.30 ความรู้ด้าน “จิตวิทยาสังคม” ที่เป็นประโยชน์ต่อ HR (ตอนที่ 2)