HR Blog
สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน เป็นยังไงบ้างคะ ตอนนี้เชื่อว่าคงมีหลาย ๆ ท่านที่ต้อง work from home (WFH) เพราะการระบาดของเชื้อ Covid-19 ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็ได้ WFH มาประมาณหนึ่งเดือนกว่าแล้ว สำหรับบางท่าน การได้อยู่บ้านอาจเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่คงมีอีกหลายท่านที่รู้สึกว่าไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเวลาทำงานในออฟฟิศ ซึ่งประสิทธิภาพที่ลดลงของการทำงานนั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น งานที่เพิ่มขึ้นหรือการขาดสมาธิเนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการทำงาน สำหรับผู้เขียนนั้น อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดซึ่งทำให้งานไม่คืบหน้าอย่างที่ควร คือ ความรู้สึก ‘ไม่อยากทำอะไรเลย’
เพื่อกำจัดอุปสรรคนี้ ผู้เขียนจึงได้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของความรู้สึกดังกล่าว และนำมาบอกต่อในบทความนี้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครหลาย ๆ คน
เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ความรู้สึก ‘ไม่อยากทำอะไรเลย’ ที่กล่าวถึงนั้น ไม่ได้หมายถึงความขี้เกียจนะคะ ความรู้สึก ‘ไม่อยากทำอะไรเลย’ คือความรู้สึกที่ถึงแม้เราจะอยากทำงานให้เสร็จขนาดไหน ร่างกายและจิตใจของเราก็จะต่อต้าน ซึ่งทำให้เกิดความย้อนแย้งในตัวเองและเกิดเป็นความหงุดหงิดที่มาจากการที่เราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ในขณะที่ความขี้เกียจคือความรู้สึกที่ทำให้เราไม่มีแรงจูงใจหรือแม้แต่เจตนาที่อยากจะทำงานให้เสร็จ
จากข้อมูลที่ผู้เขียนได้ค้นคว้ามา ทำให้รู้ว่าสิ่งที่สร้างความรู้สึก ‘ไม่อยากทำอะไรเลย’ นี้คือความไม่แน่นอน (Uncertainties) ซึ่งเวลาที่คนเราไม่เข้าใจหรือไม่มีข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับสถานการณ์ใด ๆ ก็ตาม ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์และควบคุมอะไรได้ เราก็จะเกิดอาการกังวล เครียด และคิดมากถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น และวิธีที่คนเรามักใช้เพื่อกำจัดความเครียดคือการเลี่ยงไม่เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไม่มีความแน่นอนโดยหยุดทุกการกระทำที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ
ซึ่งถ้าพูดถึงสถานการณ์ Covid-19 ในตอนนี้ที่เราต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยและต้องปรับตัวกับสภาพการทำงานใหม่ที่มีความท้าทาย เรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่แน่นอนเลย จึงไม่แปลกที่จะเกิดความรู้สึกไม่อยากจะทำอะไรเลยและได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยเร็ว
สิ่งที่ยากสำหรับการ WFH อย่างต้น ๆ อาจเป็นการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งเร้าที่คอยดึงความสนใจของเราออกจากงานอยู่เนือง ๆ แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่าและเป็นบ่อเกิดของความไม่แน่นอน คือ การสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานที่ไม่สม่ำเสมอเหมือนตอนทำงานในออฟฟิศ จากที่เราสามารถเดินไปขอข้อมูลหรือคำแนะนำจากเพื่อนร่วมงาน หรือทำการคอนเฟิร์มได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้เราต้องพึ่งสื่อต่าง ๆ เช่นแชท โทรศัพท์ และอีเมล เพื่อทำการนั้น ซึ่งทำให้เราต้องใช้ความพยายามมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความเกรงใจเข้ามาเกี่ยวด้วย จึงทำให้ไม่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสิ่งที่ตามมา คือ เราจะลังเลที่จะติดต่ออีกฝ่ายและเริ่มนั่งเดาโน้นเดานี่ด้วยตัวเอง ทำให้ไม่รู้อะไรที่ชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดของงาน ซึ่งทำให้เสียเวลา งานไม่เดิน และสุดท้ายก็จะทำให้เราไม่อยากคิดถึงงานอีกต่อไปด้วยความเครียดที่สะสม
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผู้เขียนอยากแนะนำให้ทุกท่านลองทำหากกำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่ คือ การคุยกับทีมเพื่อสร้างระบบการสื่อสารที่ชัดเจนสำหรับการ WFH โดยเฉพาะ เช่น กำหนดสื่อที่จะใช้สำหรับการสื่อสารงานแต่ละประเภท ความถี่ในการอัพเดทความคืบหน้าของงาน ตลอดจนมาตรฐานความละเอียดของข้อความที่จะส่ง ซึ่งการทำระบบเช่นนี้จะทำให้แต่ละคนไม่ต้องเสียเวลาคิดด้วยตัวเองว่าควรสื่อสารอย่างไร และมีความสบายใจมากขึ้นที่จะทำ
ในส่วนของความเกรงใจ ผู้เขียนขอแนะนำให้ทุกคนในทีมคุยกันเพื่อแชร์ความรู้สึกในเรื่องนี้ นอกจากนี้ แต่ละคนยังสามารถบอกคนในทีมให้รู้ว่าพวกเขาไม่ต้องเกรงใจและตนยินดีที่จะให้ติดต่อเสมออีกด้วย ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยสร้างความเข้าใจร่วมกัน โดยแต่ละคนไม่ต้องคอยพะวงว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไรทุกทีที่ต้องทำการติดต่อ
คำแนะนำที่ให้อาจจะฟังดูเป็นเรื่องใหญ่เพราะเราต้องคุยกับทีมเพื่อสร้างมันขึ้นมา แต่ผู้เขียนก็อยากให้ทุกท่านลองดูค่ะ เพราะนอกจากมันจะช่วยกำจัดความรู้สึกอันน่าหงุดหงิดที่มาจากความไม่แน่นอนและความไม่ชัดเจน และทำให้การทำงานของเรากลับมามีประสิทธิภาพเหมือนเดิม มันยังจะช่วยให้การประสานงานกับทีมมีความราบรื่นในระยะยาวอีกด้วย หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ
——————-
> Subscribe เพื่อติดตามข่าวสารน่าสนใจ และบทความแนะนำที่คนทำงานไม่ควรพลาด:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/subscribe
> ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือคุยกับที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/contact
Credit: Photo by JESHOOTS.COM from Unsplash
[content_block id=1898 title=yes title_tag=h3]