Newsletter
“ผม/ฉันจะลาออกจากบริษัทนี้ เพราะมองไม่เห็นเส้นทางการเติบโตในสายอาชีพของตัวเอง”
เชื่อว่าเมเนเจอร์หลายคนคงเคยได้ยินประโยคนี้จากลูกน้องอยู่ไม่น้อยเลย บางครั้งพนักงานก็ตัดสินใจลาออกจากบริษัทเร็วกว่าที่คาดไว้มาก จนอาจทำให้เราคิดว่าพนักงานเหล่านั้น “ไม่มีความอดทน” หรือ “เร่งรัดการเติบโตในเส้นทางสายอาชีพเกินไป” แต่แท้จริงแล้ว เบื้องหลังคำพูดดังกล่าวนี้ มีเรื่องของช่องว่างความแตกต่างด้านวิธีการทำงาน ค่านิยม และระบบทรัพยากรบุคคลระหว่างญี่ปุ่นกับไทยแฝงอยู่อย่างมีนัยสำคัญ
Newsletter ฉบับนี้ ผมอยากจะชวนทุกคนไปพูดคุยเกี่ยวกับมุมมองความแตกต่างด้าน “เส้นทางสายอาชีพ (Career Path)” ระหว่างคนไทยและคนญี่ปุ่น รวมถึงคำแนะนำที่เอาไปปรับใช้ได้ครับ

“เส้นทางสายอาชีพ (Career Path)” หมายถึงอะไร?
ก่อนอื่น เรามาเข้าใจการตีความคำว่า “เส้นทางสายอาชีพ (Career Path)” ที่ต่างกันก่อน
ในองค์กรญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมมีลักษณะการจ้างงานแบบ “Membership-type” คือ พนักงานเป็นสมาชิกระยะยาวของบริษัท ดังนัน เมื่อคนญี่ปุ่นพูดถึงคำว่า “สายอาชีพ” จึงมักมีความหมายแฝงว่า “สายอาชีพภายในบริษัท” หรือก็คือ การทำงานอยู่ในบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นเวลายาวนาน เพื่อสั่งสมประสบการณ์และค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นไปตามลำดับขั้น
ในทางกลับกัน คนไทยมักมองว่า “สายอาชีพ” คือ “เส้นทางสู่อนาคตที่ตัวเองอยากเป็น” ซึ่งอาจรวมไปถึงการคิดหาวิธี “เพิ่มคุณค่าของตัวเองในตลาดแรงงาน” อย่างการเปลี่ยนงานด้วยเช่นกัน
ดังนั้น เวลาที่คนไทยพิจารณาถึง “เส้นทางสายอาชีพ” จะมี 2 ปัจจัยสำคัญที่พวกเขาต้องการเห็นอย่างชัดเจนในงาน ได้แก่…
เพราะฉะนั้น คำพูดที่ว่า “มองไม่เห็นเส้นทางสายอาชีพ” จึงบ่งบอกถึงความกังวลดังนี้
“อยู่ที่นี่แล้วไม่รู้สึกว่าตัวเองได้พัฒนาทักษะอะไร (ไม่รู้สึกว่าได้เติบโต)”
“ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกแค่ไหน หรือต้องทำอย่างไรถึงจะก้าวไปขั้นถัดไปได้ (เส้นทางการเติบโตไม่ชัดเจน)”
ที่มาของการตีความที่ต่างกันคือ “มุมมองด้านเวลา” ที่แตกต่างกันของคนไทยและญี่ปุ่น
ในบริษัทญี่ปุ่นโดยทั่วไปมักมีรอบการโยกย้ายตำแหน่งงานที่ปฏิบัติกันอย่างไม่เป็นทางการอยู่ทุก 3-5 ปี เช่น การเปลี่ยนหัวหน้างานหรือการปรับโครงสร้างองค์กรทุก 5 ปี ดังนั้นจึงมักเป็นที่รู้กันภายในองค์กรว่า “การเรียนรู้งานหนึ่งงานให้เข้าใจจนสามารถสร้างผลงานได้นั้นจะใช้เวลาประมาณ 5 ปี”
อย่างไรก็ตาม บริษัทไทยไม่ได้มีระบบหรือความเข้าใจแบบนั้น ในขณะที่คนญี่ปุ่นคิดว่า “มาลองพยายามดูกันสัก 3 ปี” แต่สำหรับคนไทย ถ้าพอผ่านไปสัก 1 หรือ 2 ปีแล้วยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็จะเริ่มคิดว่า “มองไม่เห็นเส้นทางสายอาชีพ” ขึ้นมา เพราะคนไทยมักจะ “ตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือไปค่อนข้างเร็ว” เมื่อเทียบกับคนญี่ปุ่น เลยทำให้คนญี่ปุ่นหลายคนมักคิดว่า “คนไทยต้องการเห็นความชัดเจนในเส้นทางสายอาชีพของตนเร็วเกินไป”

“ระบบระดับตำแหน่งงาน (Job Grade System)” กับ “เส้นทางสายอาชีพ”
“ตอนนี้ฉันได้เรียนรู้อะไรจากงานนี้ ?”
“ฉันต้องพัฒนาตัวเองยังไงเพื่อให้ก้าวสู่สเต็ปถัดไปได้ ?”
สิ่งสำคัญที่ช่วยให้พนักงานมองเห็นเส้นทางสายอาชีพได้ชัดเจนคือ “ระบบระดับตำแหน่งงาน (Job Grade System)” ระบบนี้ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่หลายบริษัทมีอยู่แล้วเพื่อแสดงให้เห็นถึงลำดับขั้นของพนักงาน แค่อาจจะมีวิธีเรียกที่แตกต่างกันออกไป เช่น ระดับตำแหน่งงาน (Rank) ตำแหน่งงาน (Position)
อย่างไรก็ตาม บริษัทไทยหลายบริษัทมักมีระบบตำแหน่งงงานที่ซับซ้อนเกินไป หรือไม่ก็มีเพียงชื่อตำแหน่งงานเฉย ๆ ไม่ได้มีคำนิยาม (Job Grade Definition) ที่ชัดเจนว่าแต่ละตำแหน่งมีความแตกต่างกันอย่างไร ดังนั้น สิ่งแรกที่หลายบริษัทควรทำคือ การกำหนดคำนิยามของแต่ละตำแหน่งงานให้ชัดเจน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรรวมไปถึง “ความคาดหวังที่มีต่อระดับตำแหน่งงานนี้ (ทักษะที่จำเป็นในการทำงาน)” เพื่อให้พนักงานรับรู้และเข้าใจว่า “ตนต้องทำสิ่งใดให้ได้ และควรพยายามหรือพัฒนาทักษะใดเพิ่มเติมเพื่อก้าวสู่ระดับถัดไป”
ยกตัวอย่างเช่น เรากำหนดคำนิยามคร่าว ๆ ไว้ว่า
ในกรณีนี้ เราก็จะคาดหวังให้พนักงานขายระดับ 2 (Staff Rank 2) สามารถคิด วิเคราะห์ ทำความเข้าใจปัญหาของลูกค้าและทำการติดต่อลูกค้าด้วยตนเองอย่างกระตือรือร้น ไม่เอาแต่รอคำสั่งจากหัวหน้าเพียงอย่างเดียว ดังนั้น เพื่อให้พนักงานสามารถปฏิบัติได้จริง พนักงานคนนั้นจะต้องได้รับการฝึกฝนทักษะหรือได้รับความรู้พื้นฐานในการทำงานนั้น เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับอดีตโปรเจ็กต์ ความรู้เกี่ยวกับสินค้าในเชิงประยุกต์ ทักษะการรับฟังและเข้าใจปัญหาลูกค้า ทักษะการเขียนข้อเสนอ เป็นต้น
ถ้าหากเราสามารถกำหนดทักษะและความรู้พื้นฐานของแต่ละระดับตำแหน่งงานได้อย่างชัดเจน เราจะสามารถชี้แจงแนวทางการพัฒนาตนเองให้กับพนักงานได้ตรงจุดมากขึ้น เช่น “ปีนี้เราจะให้คุณลองตั้งใจพัฒนาทักษะนี้กับทักษะนี้ก่อนนะ ถ้าทำได้ดีแล้ว จะค่อยปรับระดับไปขั้นถัดไป” วิธีการนี้จะช่วยให้หัวหน้างานสามารถสนับสนุนการเติบโตของพนักงานไปพร้อมกับการให้พนักงานรับรู้เส้นทางสายอาชีพและแนวทางการพัฒนาตนเองได้อย่างชัดเจน
เปลี่ยนจาก “ข้อความยืดยาว” เป็น “ภาพใช้สื่อสารได้ในทันที”
ในความเป็นจริง แม้หลายองค์กรจะกำหนดคำนิยามของระดับตำแหน่งงานเอาไว้ชัดเจนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังได้ยินคำบ่นว่า “มองไม่เห็นเส้นทางสายอาชีพ” อยู่บ้าง และอาจจะทำให้ฝั่งบริษัทหรือทีม HR รู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจจนอยากจะพูดว่า “ก็เขียนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่รึไง !” หรือ “เคยอธิบายให้ฟังไปแล้วนะ !”
“ถึงมีเอกสาร แต่ก็ไม่มีใครอ่าน”
“ถึงจำอธิบายไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครจำได้”
ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในหลายองค์กร โดยเฉพาะพนักงานชาวไทยหลายคนที่มักพูดว่า “เข้าใจแล้ว” ทั้ง ๆ ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย หรือบางครั้งก็มักพูดว่าเห็นด้วยเวลาอยู่ด้วยกันแต่จริง ๆ ไม่เห็นด้วย สิ่งเหล่านี้อาจเกิดขึ้นมาจากแนวคิดหรือบรรทัดฐานทางสังคมที่ส่งต่อกันมาว่า การตั้งคำถามหรือขอให้หัวหน้าให้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเป็นเรื่องเสียมารยาท เพราะฉะนั้น หน้าที่ของฝั่งบริษัทคือ “การสื่อสารที่ผู้รับสารเข้าใจอย่างแท้จริง”
ข้อผิดพลาดที่หลายองค์กรมักเผลอทำไปโดยไม่รู้ตัวคือ “การให้คำอธิบายที่เยอะหรือยืดยาวเกินไป” และคำนิยามของแต่ละตำแหน่งงานอธิบายละเอียดยิบว่าต้องการทักษะอะไร ทำให้ยิ่งข้อมูลเยอะเท่าไหร่ เอกสารจะหนาขึ้นเท่านั้น และน่าเสียดายที่จะมีพนักงานชาวไทยเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อ่านคำอธิบายเหล่านั้นจนจบและเข้าใจจริง ๆ
สิ่งสำคัญในการสื่อสารคือ ความชัดเจนและเข้าใจง่าย โดยเฉพาะเวลาสื่อสารกับพนักงานชาวไทยที่มักนิยมรับข้อมูลในรูปแบบภาพ มากกว่าการอ่านตัวหนังสือเยอะ ๆ ดังนั้น บริษัทหรือ HR จึงควรหลีกเลี่ยงการอธิบายด้วยข้อความยาว ๆ หรือแนวคิดเชิงนามธรรมเพียงอย่างเดียว แต่ควรใช้ “แผนภาพ” “ภาพประกอบ” หรือ “โฟลว์ชาร์ต” เข้ามาช่วยอธิบายเส้นทางสายอาชีพเพิ่มเพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานจะเข้าใจจริง ๆ
ที่ Asian Identity เองก็ขอความร่วมมือให้ทีม HR ชาวไทยช่วยกันออกแบบระบบตำแหน่งงานที่มีรูปภาพประกอบเพื่อให้เข้าใจง่าย และด้วยความที่บริษัทเราเป็นบริษัทที่ปรึกษา เราจึงอยากออกแบบระบบให้มีความสนุกแบบไทย ๆ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ระบบตำแหน่งงานของเราจึงออกมาดังรูปด้านล่างครับ

ระบบตำแหน่งงานของ Asian Identity ที่ใช้กันมานานนั้นมีแรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมเรื่องรามเกียรติ์ ผมตัดสินใจเลือกใช้ไอเดียนี้เพราะชอบที่มันสะท้อนวัฒนธรรมไทยแถมยังแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์บริษัทครับ
จริง ๆ แล้วในแต่ละระดับจะมีรายละเอียดทักษะที่จำเป็นมากกว่านี้ แต่การให้ข้อมูลคร่าว ๆ นี้ก็พอจะช่วยให้พนักงานใหม่จดจำและเห็นภาพรวมโครงสร้างระดับตำแหน่งงานชัดขึ้น ตัวอย่างที่ยกมาอาจจะค่อนข้างแปลกใหม่ไปบ้าง แต่ผมหวังว่าจะช่วยให้ผู้อ่านได้แนวทางการออกแบบที่เข้าใจง่ายและมีภาพประกอบกันนะครับ
สรุปแล้ว สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พนักงานมองเห็น “เส้นทางสายอาชีพ (Career Path)” ได้จริงนั้นอาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการออกแบบโครงสร้างเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึง “ประสบการณ์ในการใช้ระบบ” ด้วยเช่นกันว่าบริษัทสามารถใช้ระบบเป็น “เครื่องมือในการวางแผนอนาคตให้กับพนักงาน” ได้มากน้อยเพียงใด และสิ่งนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาพนักงานชาวไทยให้อยู่กับองค์กรต่อและพัฒนาเติบโตต่อไป
* ฉบับภาษาญี่ปุ่นอยู่ตรงนี้ครับ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นอ่านด้วยนะครับ! คลิกที่นี่
* ข้อมูลเกี่ยวกับคอร์สพัฒนาบุคลากรระดับผู้จัดการชาวไทยและญี่ปุ่น อ่านที่นี่
* ข้อเกี่ยวกับคอร์สพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรรูปแบบ In-house คลิกที่นี่
Credit:
Photo by Ann H: https://www.pexels.com/photo/pawns-connected-with-wooden-sticks-7422341/
Photo by Nicola Barts : https://www.pexels.com/photo/man-with-a-briefcase-in-his-hand-7927545/
Photo by Pixabay: https://www.pexels.com/photo/railroad-tracks-in-city-258510/

Katsuhiro Nakamura (Jack)
CEO & Founder, Asian Identity Co., Ltd.
ดำเนินกิจการบริษัท Asian Identity องค์กรให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลซึ่งมีความชำนาญงานในภูมิภาคเอเชีย และ มีประเทศไทยเป็นจุดเริ่มต้น ดำรงตำแหน่งปัจจุบันหลังจากสั่งสมประสบการณ์ทำงานที่บริษัท Nestlé บริษัท Link and Motivation และ บริษัท GLOBIS ปัจจุบันรับผิดชอบงานด้านการให้คำปรึกษา และ จัดอบรมในประเทศต่าง ๆ ในเอเชียโดยมีสำนักงานในประเทศไทย ระหว่างที่อยู่ในกรุงเทพ ยังได้เขียน และ จำหน่ายหนังสือ “สู้สู้ PIM! (Su Su Pim!)” การ์ตูนให้ความรู้ด้านการทำธุรกิจสำหรับชาวไทยด้วย
– Certified Facilitator of LEGO® SERIOUS PLAY®
– Completed ORSC™ – Organization and Relationship System Coaching Practical Application Course
– Certified Facilitator of Hofstede Insight Organizational Culture (วัฒนธรรมองค์กร)
– CoachingOurselves Facilitator
26 ต.ค., 2022
Newsletter AI NEWSLETTER Vol.52 ความสัมพันธ์ภายในองค์กรกำลังถดถอยลงหรือไม่?
04 พ.ย., 2019
Newsletter AI NEWSLETTER Vol.30 ความรู้ด้าน “จิตวิทยาสังคม” ที่เป็นประโยชน์ต่อ HR (ตอนที่ 2)
23 ก.พ., 2019
Newsletter AI NEWSLETTER Vol.22 อยากสื่อสารความคิด ที่มีต่อคําาว่า ‘Isshokenmei