HOME > Articles > Regret – ความรู้สึกเศร้าเสียดาย
HR Blog

Regret – ความรู้สึกเศร้าเสียดาย

21 เม.ย..2022

เดือนที่ผ่านมา ผู้เขียนได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ชื่อว่า The Power of Regret ซึ่งเป็นผลงานของนักเขียนชื่อดัง Daniel H. Pink โดยเนื้อหาของหนังสือพูดถึงพลังของความรู้สึกเศร้าเสียดายที่สามารถผลักดันให้คนเราเดินไปข้างหน้าได้ ผู้เขียนจึงอยากนำความรู้และประเด็นสำคัญบางส่วนมาแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ

Regret หรือความรู้สึกเศร้าเสียดาย เกิดจากการที่คนเราจินตนาการ และครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่ดีกว่าความเป็นจริง โดยจากผลการวิจัย Daniel H. Pink ได้แบ่งประเภทของความรู้สึกเสียดายที่คนเรามี ออกเป็น 4 ประเภท และพูดถึงบทเรียนที่ได้จากความเสียดายแต่ละประเภทดังนี้

 

1. Foundation regret: ความเสียดายเกี่ยวกับเรื่องที่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อความมั่นคงของชีวิตในระยะยาว เช่นเรื่องของการศึกษาหรือการเงิน ที่มักจะเกินขึ้นเพราะเราประเมินค่าของความสุขความพึงพอใจในปัจจุบันสูงเกินไป และประเมินค่าของอนาคตต่ำเกินไป ซึ่งคนที่มีความเสียดายประเภทนี้มักจะพูดประมาณว่า เสียดายที่เราไม่ตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้ทำไมเอาแต่เล่น เราน่าจะดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีกว่านี้แทนที่จะห่วงแต่กิน หรือ เราน่าจะเริ่มเก็บหอมรอมริบตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นต้น โดยหากเราไม่อยากให้เกิดความเสียดายประเภทนี้ สิ่งที่เราควรทำคือ คิดล่วงหน้า (Think ahead) ลงมือทำ (Do the work) และเริ่มทำเดี๋ยวนี้ (Start now)

 

2. Boldness regret: ความเสียดายที่เกี่ยวกับการที่เราไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง หรือการพลาดโอกาสบางอย่างไป เพราะกลัวความเสี่ยงที่อาจจะตามมา ซึ่งคนที่มีความเสียดายประเภทนี้มักจะพูดประมาณว่า ฉันน่าจะไปเที่ยวให้เยอะ ๆ ตอนที่ยังมีแรงอยู่แทนที่จะทำแต่งาน หรือ ฉันน่าเรียนในสิ่งที่ฉันชอบแทนที่จะเรียนตามคนอื่น เป็นต้น โดยหากเราไม่อยากให้เกิดความเสียดายประเภทนี้ สิ่งที่เราควรทำคือ มีความจริงใจและซื่อสัตย์กับตัวเอง (Be true to yourself) แล้วลงมือทำ แม้สิ่งนั้นอาจจะไม่เป็นไปตามความเห็นของคนรอบข้างและความคาดหวังของสังคมก็ตาม

 

3. Moral regret: ความเสียดายที่เกี่ยวกับการที่เราทำอะไรที่ขัดต่อศีลธรรมหรือพฤติกรรมที่เราคิดว่าดีและถูกต้อง บ่อยครั้งที่เราเลือกทำสิ่งที่ง่าย เลือกทำตามสัญชาตญาณ หรือทำเพราะอารมณ์ชั่ววูบแล้วเกิดความเสียดายภายหลัง ซึ่งคนที่มีความเสียดายประเภทนี้มักจะพูดประมาณว่า ฉันไม่น่าแกล้งเพื่อนตอนที่อยู่ประถมเลย หรือ ฉันไม่น่านอกใจแฟนเลย เป็นต้น โดยหากเราไม่อยากให้เกิดความเสียดายประเภทนี้ สิ่งที่เราควรทำคือ เลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง ในเวลาที่เราไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไร (When in doubt, do the right thing)

 

4. Connection regret: ความเสียดายในเรื่องที่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อความสัมพันธ์ของตัวเรากับใครสักคน เช่นการที่ไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนเมื่อเริ่มห่างเหิน หรือปรับความเข้าใจเมื่อเกิดการเข้าใจผิดกัน เพียงเพราะความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ (awkward) หรือเพราะคิดไปเองว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอึดอัดและขนลุกถ้าเราทำเช่นนั้น ซึ่งคนที่มีความเสียดายประเภทนี้มักจะพูดประมาณว่า ฉันน่าจะดูแลพ่อแม่ให้ดีกว่านี้ หรือ ฉันน่าจะติดต่อหาเพื่อนตอนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ เป็นต้น โดยหากเราไม่อยากให้เกิดความเสียดายประเภทนี้ สิ่งที่เราควรทำคือ ทำให้ดีกว่านี้ในครั้งต่อไปสำหรับความสัมพันธ์ที่จบไปแล้ว และทำอะไรสักอย่างเดี๋ยวนี้สำหรับความสัมพันธ์ที่ยังมีหนทางรักษาเอาไว้ได้

 

ซึ่งตอนที่ผู้เขียนอ่านเกี่ยวกับความเสียดายแต่ละประเภท ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ในบริบทของการทำงาน และคิดว่าหากเรารู้และตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ  ก็น่าจะช่วยให้สามารถคาดการณ์และหลีกเลี่ยงความเสียดายที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การทำงานของตนเองให้ดียิ่งขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น การที่เราเก็บประสบการณ์ความรู้ให้เยอะ ๆ ตั้งแต่ตอนเริ่มงานใหม่ ๆ ผ่านการถามคำถามเมื่อไม่เข้าใจอะไรและคอยสังเกตการทำงานของผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าเรา (Foundation regret) การที่เราไม่กลัวที่จะรับงานและตำแหน่งที่มีความท้าทายมากขึ้น (Boldness regret) การที่เราเลือกที่จะทำงานด้วยวิธีการที่ถูกต้องและโปร่งใส (Moral regret) หรือการที่เรารีบให้ฟีดแบคเมื่อเราเห็นว่าเพื่อนร่วมงานทำอะไรผิด และรู้จักที่จะคุยเพื่อปรับความเข้าใจเมื่อมีเรื่องเข้าใจผิดกัน (Connection regret)

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ

 

Pink. Daniel H., The Power of Regret. Riverhead Books, 2022.

Credit: Photo by Flash Dantz from Unsplash

 

บทความอื่นที่น่าสนใจ
ตั้งเป้าหมายอย่างไร ไม่ให้ Burnout!

 

[content_block id=1898]