HR Blog
REFLECT ไดอารี่ที่มีดีกว่าที่คิด
12 มี.ค..2021เมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว ทีม Asian Identity ได้ลองริเริ่มกิจกรรมภายในใหม่ในทีม คือการเขียนไดอารี่เพื่อ Reflect ตัวเองประจำวัน โดยแจ็คซังเป็นคนนำระบบนี้เข้ามาเพื่อช่วยให้สมาชิกที่ต้อง Working-from-home สามารถรับรู้ถึงสภาพของกันและกันได้ และเหล่าเมนเตอร์แต่ละคนสามารถ Track ติดตามสภาพจิตใจ และ Motivation ของแต่ละคนได้
โดยในแต่ละวันหลังจบงาน แต่ละคนจะต้อง Reflect ตัวเอง ไล่มาตั้งแต่การประเมินผลตัวเองเป็นตัวเลขว่าวันนี้ Motivation Level ของตัวเองเป็นอย่างไร คะแนน Achievement Level ของงานที่ต้องทำของวันนี้เป็นอย่างไร คะแนนสุขภาพประจำวัน และนอกจากการประเมินตัวเลขแล้ว ก็ยังมีให้เขียนบรรยายทบทวนตัวเองด้วย ว่าสิ่งที่ได้ทำในวันนี้ เกิดอะไรขึ้นบ้าง รู้สึกอย่างไรบ้าง ทำอะไรสำเร็จ หรือมีอะไรที่อยากจะแชร์ อยากบันทึกไว้บ้าง ไล่ไปถึง Lesson Learnt ประจำวัน และสรุปตบท้ายความคิดด้วยคำถามว่า แล้วคุณคิดจะทำอะไรต่อไป อย่างไร(ในวันพรุ่งนี้)
ส่วนตัวของผู้เขียนแล้ว จริง ๆ เป็นคนที่ไม่นิยมการเขียนไดอารี่เลย เพราะรู้ตัวว่าเป็นคนไม่มีวินัยในการจดบันทึกประจำวัน หรือทำอะไรที่ต้องเป็นกิจวัตรซ้ำ ๆ ๆ ทุกวันตั้งแต่เด็ก มีปัญหากับการบ้านลักษณะนี้มาตลอดตั้งแต่สมัยประถมแล้ว พอต้องมาเจอการเขียนไดอารี่ภาคบังคับจากทางบริษัท ก็มีอาการต่อต้านก่อนเลย อยากเขียนนะเจ้านาย แต่ไม่สามารถ Commit จริง ๆ ว่าจะเขียนทุกวันไหวไหม เริ่มแรกก็พอบังคับตัวเองให้เขียนได้อยู่ด้วยความตื่นเต้นในระบบใหม่ (เห่อแหล่ะค่ะท่านผู้อ่าน) หลัง ๆ เริ่มลืมบ้าง ละเลยบ้าง ขี้เกียจบ้าง
จนกระทั่งน้อง ๆ บางคนในทีมเริ่มส่อเค้า WFH ไม่ไหว เริ่มเกิดปัญหาทางจิตใจขึ้นมา ก็ต้องมาไล่อ่านติดตามกันอย่างใกล้ชิด ว่าเกิดอะไรยังไงขึ้นบ้าง จัดการอย่างไรดี และมีเหตุการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงานของตัวเอง และรู้สึกอยากจะแชร์บทเรียนให้น้อง ๆ อ่านด้วยจากสิ่งที่ตัวเองเจอ จึงเริ่มกลับมามีแรงฮึดในการเขียนกลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เขียนได้ทุกวัน แต่ก็พยายามเขียนบ่อยที่สุดเท่าที่ตัวเองจะโฟกัสกับมันได้ เวลาเจอ Happening อะไร ก็พยายามมาถอดบทเรียนของตัวเองในนี้ด้วย หลัง ๆ ก็ลามไปถึงการเขียนชื่นชม ขอบคุณ และ Recognize ผลงานของน้อง ๆ ในแต่ละโปรเจคไปด้วยเลย
ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา พอได้เขียนอย่างเป็นจริงเป็นจัง และมีความถี่มากขึ้น กลับกลายเป็นว่าการที่เราได้หยุดตัวเองจากงานที่ยุ่งเหยิงมาทั้งวัน ปลดภาระบนไหล่ลง แล้วมานั่งให้เวลากับตัวเองในการทบทวนตัวเองบนระบบ REFLECT ไดอารี่ประจำวันนี้ ช่วงเวลานี้กลายเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราแฮปปี้กับตัวเองมาก ๆ ช่วงเวลาหนึ่ง ได้ใช้ความเงียบในการพูดคุยกับตัวเอง จัดระเบียบความคิดของตัวเอง รู้เท่าทันความรู้สึกและการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง เห็นทั้งอารมณ์ ความเครียด หรือการจัดการตัวเองที่เป็นระเบียบมากขึ้น เห็น Mindset ของตัวเองที่เติบโตขึ้นจากการทำงานปีก่อนหน้าในโปรเจคลูกค้าเจ้าเดิม และที่สำคัญทำให้ใจเย็นกับตัวเองได้มากขึ้นมาก ๆ
ใจเย็นกับตัวเองได้มากขึ้นมาก ๆ คือ การที่ตัวเองไม่มานั่งโทษตัวเอง หรือวนเวียนเครียดกับความผิดพลาดของตัวเองซ้ำ ๆ โดยหาทางออกไม่ได้ แต่ใช้วิธีการเขียนในการระบาย และจัดระเบียบความคิดอีกครั้ง ตั้งแต่เกิดอะไรขึ้น รู้สึกอย่างไร เกิดบทเรียนอะไร และเราอยากจะทำอะไรต่อ เขียนตอบคำถามในระบบจนทำให้ความคิดของตนเองจบลูปในแต่ละวัน ความเครียดที่เคยสะสมเยอะมากจาก อาการ Self-blaming ก็ลดลงกลายเป็นการคิดเพื่อแก้ปัญหาแทน และอารมณ์ต่าง ๆ ก็ได้ระบายผ่านทางการเขียนและจดบันทึกออกมา ทำให้ตัวเองรับรู้สภาวะของตัวเองได้ ใจและความความคิดเลยเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด และรู้สึกได้ว่าจบงานแต่ละวันได้อย่างสบายใจขึ้นมาก ๆ
นอกจากนี้ การที่ได้อ่านสภาวะความคิด ความรู้สึกของน้อง ๆ แต่ละคน ก็ทำให้เห็นบรรยากาศในทีมได้ชัดเจนมากขึ้น บางครั้งมีปัญหาเกิดขึ้นกับน้องบางคนแล้วเขาไม่กล้าพูด เขาก็มาใช้ระบบนี้ในการบอกกล่าว(ทั้งกับตนเอง)และทีมได้ด้วย ทำให้ทีมสามารถดูแลกันและกันได้ดีขึ้นมาก ๆ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ทีม Asian Identity กลับมาทำงานที่ออฟฟิศตามปกติแล้ว ทุกคนก็ยังเห็นด้วยและอยากที่จะคงระบบ REFLECT บันทึกไดอารี่ประจำวันนี้ต่อไป เพื่อทั้งได้ทบทวนตนเอง และได้รับรู้ถึงสภาวะของแต่ละคนไปด้วยกันอีกเรื่อย ๆ
ระบบ REFLECT นี้เป็นระบบที่ทางบริษัทของเราร่วมพัฒนากับพาร์ทเนอร์ที่ญี่ปุ่น ยังคงมีช่องว่างให้พัฒนาต่ออีกมาก และหวังว่าจะพัฒนาถึงขั้นที่จะแนะนำให้ลูกค้าของทางทีมเราได้ลองระบบนี้ต่อไปในอนาคตอันใกล้ค่ะ
——————-
> Subscribe เพื่อติดตามข่าวสารน่าสนใจ และบทความแนะนำที่คนทำงานไม่ควรพลาด:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/subscribe
> ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือคุยกับที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/contact
Picture credit : https://unsplash.com/photos/tcyW6Im5Uug
[content_block id=1898 title=yes title_tag=h3]
