Asian Identity

Re-engage: สามวันจากนารีเป็นอื่น บทเรียนจาก Remote Working

26 มิ.ย..2020

จากช่วง Remote Working ที่ผ่านมาที่ยาวมาตั้งแต่ Covid-19 และยังมีบางบริษัทที่ตัดสินใจขยายนโยบายยืดเวลา Remote Working หนึ่งในความเสี่ยงที่พบได้จากการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงานนี้ คือ Motivation ของทีมงานที่ควบคุมดูแลได้ยากขึ้น โดยเฉพาะ Motivation ที่มาจากความผูกพันกับองค์กร หรือคือ “ความเป็นหนึ่งเดียวกัน”

เมื่อไม่ได้นั่งออฟฟิศ หรือล้อมรอบด้วยทีมงาน ที่ช่วยสร้างสภาพบังคับ หรือสภาพ (ความกดดัน) ทางสังคมกลาย ๆ ทำให้คนรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันหายไป แรงใจ ความมุ่งมั่นในการทำงาน หรือความเป็นหนึ่งเดียวขององค์กร (Loyalty ต่อองค์กร) ก็อาจจะลดทอนลงไปได้อย่างง่ายดาย

จริง ๆ แล้วการดูแล Motivation และความรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมหรือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวขององค์กร ก็ไม่ต่างจากการดูแลความรัก ดูแลความรักเมื่อมีระยะห่างอย่างไร การดูแลลูกทีมเมื่อห่างไกลกันก็อย่างงั้นค่ะ“สามวันจากนารีเป็นอื่น” แต่ไม่ใช่ทุกรักทางไกลจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นเราลองมาถอดบทเรียนระหว่างรักทางไกล กับการดูแลทีม Remote Working กันค่ะ

1. “รักแท้แพ้ระยะทาง” ใช้ความสม่ำเสมอในการชนะใจ

การดูแลความรักยามห่างไกลกัน ต้องยิ่งใส่ใจความเป็นไป และความรู้สึกขนาดไหน การดูแลลูกทีมที่ทำงานโดยไม่ได้เจอกันตัวเป็น ๆ ก็เช่นเดียวกัน

ความถี่ในการติดตาม ไม่ว่าจะเป็นการถามไถ่ความรู้สึก สถานการณ์ อัพเดทความคืบหน้าของงานระหว่างกัน ต้องทำเป็นกิจวัตรที่ชัดเจน มีการกำหนดเวลาประชุมอัพเดทหรือ Ho-ren-so ที่เป็นทางการ เช่น อัพเดทระดับทีมประจำสัปดาห์ หรือ ระดับบุคคลประจำวัน ที่ต้องระวังคือ ความถี่จะต้องอยู่ในระดับที่พอดี ไม่ถี่เกินจนกลายเป็นภาระ แต่ต้องไม่ห่างเกิน เพื่อกระชับระยะห่างให้ยังรู้สึกผูกพันในทีม

รูปแบบในการติดต่อเป็นประจำก็จำเป็นมาก ในการบาลานซ์ระหว่างการสื่อสารผ่านตัวอักษร เสียง หรือวิดีโอคอลให้เห็นหน้าซึ่งกันและกัน รวมถึง การบาลานซ์การสื่อสารที่เป็นทางการ (เรื่องงาน) หรือ การสื่อสารเพื่อกระชับความสัมพันธ์ (เรื่องชีวิต ทั่ว ๆ ไป ความรู้สึก ความเป็นไป – casual talks) เพื่อแสดงถึงความใส่ใจในตัวลูกทีม ไม่ใช่แค่งานอย่างเดียว

2. เคารพช่องว่างระหว่างกัน ไม่ก้าวก่าย และสร้างพื้นที่ของความไว้วางใจ

Toxic Relationship ที่พบได้ง่าย คือการยึดติดกันเกินไป ระแวง และเรียกร้องให้ต้องรายงานตัวกันตลอดเวลา ในความสัมพันธ์แบบคู่รักอาจทำได้ระดับหนึ่ง แต่ในระดับการบริหารทีม ไม่น่าจะใช่เรื่องดีแน่ การติดต่อกันแบบถี่เกินไป เช่น โทรติดตามทุกชม. ยกหูแล้ว ยกหูอีก นอกจากจะรบกวนสมาธิในการทำงานแล้ว อาจจะทำลายความเชื่อใจกัน พอ ๆ กับการ Over Micro-management ได้

เมื่อมีหัวหน้าทีมที่เกิดการกังวลหรือความกระวนกระวายใจจากการที่ไม่สามารถมองเห็นสภาพการณ์ของลูกทีม และเกิดความเสี่ยงที่จะติดต่อ (จิก) ถี่จนเกินพอดี สิ่งที่สามารถจัดการได้ในระดับทีม คือ การสร้างช่องทางหรือกติกาที่ชัดเจนในการอัพเดทสถานการณ์ระหว่างกัน

เช่น แทนที่จะเน้นให้หัวหน้าเป็นฝ่ายรุกในการสื่อสารหรือเรียกอัพเดทจากลูกน้องตลอดเวลา สร้างช่องทางให้น้องเป็นคนอัพเดทหาหัวหน้าแทน โดยใช้ระบบ หรือกติกาเวลาที่ชัดเจน เช่น การอัพเดท Task Lists / Daily Achievement จากลูกทีม Team Diary / Motivation Tracking จากที่เป็นช่องทางให้ลูกน้องได้จัดการตนเอง ประเมินผล และรายงานสภาพการณ์ให้ทีมรับทราบได้ด้วยตนเอง โดยรักษาสเปสระหว่างกัน โดยไม่ต้องผ่านการทวง การจิกจากหัวหน้าได้

3. ชัดเจนในเป้าหมาย และสื่อสารให้เห็นภาพปลายทางร่วมกัน

ตัวห่างกัน โดยไม่มีความหวังหรือเป้าหมายที่แน่ชัด ยิ่งแยกกันนานเท่าใด ใจก็ยิ่งออกห่างได้ง่าย เมื่อการทำงานห่างกันเป็นระยะเวลายาวนาน ทีมงานที่ไม่คุ้นชินอาจจะเกิดอาการเคว้งได้ง่าย หรือโดนดึงความสนใจจากกิจกรรมอื่น ๆ ไป ดังนั้นการสื่อสารและปลุกระดมแรงใจที่ชัดเจนและต่อเนื่องจึงจำเป็นมากในการเลี้ยง Motivation ของทีม

หัวหน้าทีมจึงต้องรับบทสำคัญในการสร้างแรงกระตุ้นผ่านการสื่อสารความคาดหวังให้ชัดเจน ให้เห็นเป้าหมายร่วมกัน ว่าทำอะไรไปเพื่ออะไร เพื่อให้แต่ละคนทำงานโดยไม่ไร้จุดหมาย และรับรู้ถึงความเร่งด่วนจำเป็นของเป้าหมายนี้ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีแผนการทำงานที่ทุกคนรู้ถึงบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบที่ของตนเองที่ชัดเจนที่สุด

เมื่อสมาชิกมีความชัดเจนในบทบาท ความรับผิดชอบ และรับรู้ถึงความสำคัญของตนเอง และความเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในเป้าหมายของในทีมแล้ว ช่องทางการสื่อสารที่เราสร้างขึ้นในข้อที่ 1 และ 2 ก็จะยิ่งผลักดันให้แต่ละคนเดินหน้าทำงานได้อย่างเป็นหนึ่งเดียวกันและเป็นทีมที่แข็งแกร่งต่อไปได้

——————-

> Subscribe เพื่อติดตามข่าวสารน่าสนใจ และบทความแนะนำที่คนทำงานไม่ควรพลาด:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/subscribe

> ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือคุยกับที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/contact

 

Credit: Photo by Andrea Piacquadio from Pexels

 

[content_block id=1898 title=yes title_tag=h3]