HOME > Articles > [Our Work] Toyobo (Thailand): Factual Basis Problem-Solving Skills Workshop
Our Works

[Our Work] Toyobo (Thailand): Factual Basis Problem-Solving Skills Workshop

08 ส.ค..2025

Factual Basis Problem-Solving Workshop

 

ในยุคปัจจุบันที่ข้อมูลมีความหลากหลาย ถูกส่งต่อและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การตัดสินใจเชื่อข้อมูลที่ไม่ผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนจึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องระวังให้มากขึ้น เนื่องจากข่าวสารนั้นอาจผสมการตีความและความคิดเห็นของผู้ส่งสาร ส่งผลให้ข้อเท็จจริงมีความคลาดเคลื่อนหรือบิดเบือน ซึ่งความคลาดเคลื่อนของข้อมูลนั้นจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการระบุและตัดสินใจแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด รวมทั้งผลลัพธ์ภาพรวมความสำเร็จขององค์กร

 

บริษัท โตโยโบ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทการค้าในกลุ่ม Toyobo ที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 72 ปีในประเทศไทย มีความเชี่ยวชาญในการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น พลาสติกวิศวกรรม เส้นใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ ฟิล์มพลาสติก เส้นใยสิ่งแวดล้อมและฟังก์ชันนัลไฟเบอร์ รวมไปถึงปั๊มน้ำอัตโนมัติฮิตาชิ โดยทางบริษัทได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำงานโดยอ้างอิงข้อเท็จจริงเป็นหลัก และมีความต้องการพัฒนาบุคคลากรให้เข้าใจและตระหนักถึงประเด็นนี้มากขึ้น

 

ในปีนี้ บริษัท โตโยโบ (ประเทศไทย) จำกัด ยังคงเชื่อมั่นและไว้วางใจให้พวกเรา บริษัท Asian Identity ร่วมจัดเวิร์กช็อปประจำปีในหัวข้อ Factual Basis Problem-Solving Skills Workshop มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและทบทวนความสำคัญหลักปฏิบัติหัวข้อ “Factual Basis” โดยครั้งนี้โฟกัสไปที่การตรวจสอบข้อเท็จจริงในการระบุและแก้ปัญหาให้ได้ถึงต้นตอที่แท้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และการค้นหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรภายใต้ขอบเขตความรับผิดชอบของตน อีกทั้งยังเป็นโอกาสอันดีในการทบทวนคำมั่นสัญญาของบริษัท หรือ “Toyobo Spirit” เพื่อให้ทุกคนสามารถดำเนินงานโดยยึดถือหลักคำมั่นสัญญานี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการทำงานที่มีมาตรฐาน จนไปถึงการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ในเวิร์กช็อปนี้จัดขึ้นโดยแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับเมเนเจอร์และระดับพนักงานทั่วไป

 

 

ในเวิร์กชอปนี้ ผู้เข้าร่วมได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำงานตามหลัก “ข้อเท็จจริง” ซึ่งเป็นรากฐานของการคิดอย่างมีตรรกะและการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ และความสำคัญของการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลที่ได้รับโดยไม่หลงเชื่อข้อมูลนั้นในทันที เพราะความคลาดเคลื่อนจาก “การตีความ (Interpretation) ข้อคิดเห็นและอคติ (Bias)” อาจส่งผลกระทบให้ผู้รับสารมุ่งประเด็นการวิเคราะห์สถานการณ์ไปตามสารที่ได้รับ ไม่สามารถทำความเข้าใจสถานการณ์ด้วยมุมมองภาพรวมและมุมมองที่เป็นกลางได้อย่างที่ควรจะเป็น โดยผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้ประเด็นสำคัญเหล่านี้ผ่านกิจกรรม ‘Identify the Facts: แยกระหว่าง “ข้อเท็จจริง” และ “ข้อคิดเห็น”’ ซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง (Experiential Learning) ที่ผู้เข้าร่วมจะได้พูดคุยในกลุ่มตนเอง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกลุ่มอื่น ๆ ภายในเวิร์กชอป

 

 

ถัดมา ผู้เข้าร่วมได้ฝึกฝนทักษะการทำงานกับข้อเท็จจริงด้วยการทำกรณีศึกษา (Case Study) แก้ปัญหาในที่ทำงานที่เราออกแบบมาโดยเฉพาะ ผู้เข้าร่วมต้องค้นหาต้นตอปัญหาให้พบและแก้ปัญหาจากต้นตอนั้น (Root-Problem Solving) โดยเริ่มตั้งแต่การแยกแยะ “ข้อเท็จจริง” ออกจาก “ข้อคิดเห็น” เพื่อให้สามารถมอง “วิเคราะห์หาต้นตอสาเหตุ (Root cause Analysis)” จากหลากหลายแง่มุมที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้น ผู้เข้าร่วมแต่ละกลุ่มจะร่วมกันออกแบบวิธีแก้ไขปัญหาและประเมินวิธีแก้ปัญหาด้วยกรอบแนวคิด (Framework) ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าวิธีที่คัดเลือกมานั้นที่เหมาะสม เป็นรูปธรรมและสามารถดำเนินการได้จริงภายใต้ขอบเขตความรับผิดชอบของตน อีกทั้งมีความคุ้มค่าสอดคล้องกับเป้าหมายของทีมและองค์กร สุดท้าย ผู้เข้าร่วมได้ฝึกฝนเทคนิควิธีการจัดทำเอกสารที่เข้าใจง่ายผ่านกิจกรรมแก้ไขเอกสารเสนอแผนการแก้ไขปัญหาให้เป็นระเบียบ เข้าใจง่าย และง่ายต่อการตัดสินใจยิ่งขึ้นด้วยโครงสร้างที่คิดถึงมุมมองผู้อ่านเอกสารเป็นสำคัญ

 

 

แม้ว่าหัวข้อในครั้งนี้จะเป็นหัวข้อที่ซับซ้อนและเข้าใจยาก แต่ทาง Asian Identity ได้พยายามออกแบบเวิร์กชอปให้ออกมาเข้าใจง่าย สนุก และเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมมากที่สุด ตลอดเวิร์กชอปนี้ผู้เข้าร่วมทุกคนมีพยามอย่างเต็มที่ในการเรียนรู้เนื้อหา และสนุกสนานไปกับกิจกรรมที่ทางเราได้เตรียมไว้ให้ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง เมื่อเจอปัญหาที่ไม่เข้าใจหรือไม่สามารถแก้ไขได้ ทุกคนก็ร่วมกันระดมความคิด ตั้งคำถาม จนสามารถเรียนรู้ไปด้วยกันได้ตลอดกิจกรรม

หลังจากจบกิจกรรม Workshop ผู้เข้าร่วมกิจกรรมหลายคนได้แสดงความคิดเห็นเชิงบวกมากมาย เช่น

 

ความคิดเห็นจากด้านพนักงานระดับ Manager

 

  • ฉันเรียนรู้ว่าการแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากความคิดเห็นอย่างชัดเจนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้ตรงตามข้อเท็จจริง ซึ่งควรนำหลักการนี้ไปใช้กับการตัดสินใจทุกรูปแบบ/li>

 

  • ฉันรู้สึกว่าได้วิธีคิดในการแก้ไขปัญหาระหว่างคนญี่ปุ่นและคนไทยค่อนข้างมีความแตกต่างกัน ฉันรับรู้ประเด็นความต่างนี้เอาไว้และนำไปปรับใช้ในการทำงานร่วมกันในอนาคต

 

  • การอธิบายถึงวิธีการใช้ Why-Why analysis นั้นทำให้ฉันตระหนักถึงความสำคัญของการหาความเป็นไปได้ต่าง ๆ ด้วยข้อเท็จจริง

 

ความคิดเห็นจากด้านพนักงานระดับ Staff

 

  • ฉันจะนำแนวคิด factual basis ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานประจำวัน จะเลือกนำข้อเท็จจริงจากงานที่เจอในการรายงานให้กับหัวหน้า วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง และหาทางออกที่เหมาะสมกับสถานการณ์มากขึ้น

 

  • รู้สึกชอบหัวข้อการแยกข้อเท็จจริงกับข้อคิดเห็นเพราะว่า โดยปกติข้อมูลที่ได้รับมามักจะมีทั้งข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นปะปนกันอยู่ ดังนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจข้อเท็จจริงและข้อมูลที่ได้รับมาก่อนที่จะตัดสินสินใจ

 

  • ฉันจะนำหัวข้อ Factual Basis Presentation ไปใช้เพื่อทำเอกสารในที่ทำงาน ทำให้เอกสารเข้าใจง่ายมากขึ้น โดยการจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจตรงกัน

 

Staff#1

 

Staff#2

 

หลังจากจบเวิร์กชอป ทางบริษัท Asian Identity ได้มีการติดตามผลผ่านการรายงานและรับฟังผลลัพธ์ ซึ่งผู้เข้าร่วมได้มีการพูดถึงประเด็นการแยกแยะข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นมากขึ้นในการทำงานประจำวัน ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีอย่างยิ่งสำหรับการนำหลักการ Factual Basis ไปประยุกต์ใช้

 

พวกเราทีมงาน Asian Identity ขอขอบพระคุณ บริษัท โตโยโบ ประเทศไทย ที่มอบโอกาสให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรงและพัฒนากระบวนการทำงานให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในทุก ๆ ปี เราหวังว่าในอนาคตเราจะได้มีโอกาสซัพพอร์ตการเติบโตขององค์กรท่านสืบไป