HOME > Articles > AI NEWSLETTER Vol.41 “เผชิญหน้ากับการลาออกของพนักงานอย่างไร” – OCT , 2020
Newsletter

AI NEWSLETTER Vol.41 “เผชิญหน้ากับการลาออกของพนักงานอย่างไร” – OCT , 2020

09 ต.ค..2020

จดหมายข่าวฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ “การลาออก” ครับ

เมื่อทำงานอยู่ในองค์กร ก็ย่อมต้องพบเจอกับ “การเลิกรา” ในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน สำหรับจดหมายข่าวฉบับนี้ เรามาพิจารณากันครับว่าผู้เป็นหัวหน้างานจะเผชิญหน้ากับการลาออกของพนักงานอย่างไร

“เผชิญหน้ากับการลาออกของพนักงานอย่างไร”


ความรู้สึกแง่ลบซึ่งเกิดจาก “การลาออกของพนักงาน”
หัวหน้างานส่วนใหญ่นั้น เมื่อต้องเผชิญกับการลาออกของลูกน้อง โดยเฉพาะการลาออกของลูกน้องคนสำคัญ ก็จะได้รับความสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ก็จะมีความรู้สึกหลากหลายผุดขึ้นในใจด้วย

อันดับแรก คงจะมีหลายท่านที่ “รู้สึกถึงความสูญเสีย”

บุคคลที่ตนได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้จนถึงปัจจุบันจะออกจากบริษัท ข้อเท็จจริงที่ว่านี้ทำให้ผู้เป็นหัวหน้างานรู้สึกว่าบุคคลดังกล่าวไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้เป็นหัวหน้างานทำมาจนถึงปัจจุบัน

มีผู้จัดการที่บริษัทแห่งหนึ่งเผลอพูดกับลูกน้องที่จะลาออกโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีว่า “ผมคิดว่าคุณจะมาทำหน้าที่ต่อจากผม ผมก็เลยสละเวลาเพื่อพัฒนาคุณมาตลอด 3 ปี คืนเวลา 3 ปีนั้นมาให้ผมได้ไหม” ยิ่งลูกน้องเป็นคนที่หัวหน้างานทุ่มเทพัฒนามากเท่าไร ความรู้สึกสูญเสียที่เกิดกับผู้เป็นหัวหน้างานก็คงจะมากขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้ “ความรู้สึกโกรธ” ก็คงผุดขึ้นในใจด้วยเช่นกัน ผู้เป็นหัวหน้างานอาจรู้สึกว่าทำไมก่อนหน้านี้ลูกน้องไม่มาปรึกษากัน ลูกน้องอยากจะลาออกตั้งแต่เมื่อไหร่ ลูกน้องลาออกโดยพละการ ฝ่ายเราลำบากแทบแย่ เป็นต้น ยิ่งหัวหน้างานทุ่มเทให้กับงานมากเท่าไร ความรู้สึกในแง่ลบก็คงเกิดมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นเรื่องปกติครับ

หลังจากนั้น ความรู้สึกกังวลใจก็จะเริ่มถาโถมเข้ามา เช่น พนักงานที่เหลือจะมองเรื่องนี้อย่างไร ความรู้สึกไม่พอใจในองค์กรกำลังขยายวงกว้างหรือเปล่า วิธีการทำงานของเราผิดพลาดตรงไหนหรือไม่ ที่จริงแล้วเราเหมาะที่จะเป็นผู้นำหรือเปล่า

”การลาออก” นี่แหละที่ทำให้ผู้เป็นหัวหน้างานทั้งหลายต้องเผชิญกับความรู้สึกแง่ลบที่ถาโถมเข้ามาตามที่กล่าวข้างต้น ในบางครั้งผู้เป็นหัวหน้างานก็ได้รับความสะเทือนใจอย่างรุนแรงด้วย แต่ในขณะเดียวกัน หัวหน้างานจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนด้วย


การลาออกเป็นเรื่องไม่ดีหรือ
ผมเคยเล่าให้คุณผู้อ่านฟังในจดหมายข่าวฉบับก่อน ๆ เกี่ยวกับวิถีการมองโลกของผู้คนในโลกตะวันออกว่า “สิ่งที่ดีงามและสิ่งที่เลวร้ายนั้นคือสิ่งเดียวกัน” เรียกอีกอย่างว่า “หยินหยาง (ในดำมีขาว ในขาวมีดำ)” ก็ได้

มีสุภาษิตภาษาจีนที่แปลความได้ว่า “คนเราไม่อาจหยั่งรู้ถึงวิถีแห่งสวรรค์ โชคชะตาคือสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้และสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ” หมายความว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่ง ในขณะนั้นเราอาจจะมองว่าเป็นเรื่องร้ายก็จริง แต่ในเวลาต่อมา พอลองคิดอีกที ก็อาจจะพบว่ามันเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ เหตุการณ์ในลักษณะกลับกันก็สามารถเกิดขึ้นได้ สิ่งที่สำคัญก็คือการไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง

เมื่อพิจารณาอย่างผิวเผิน การลาออกก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจพอสมควร แต่เมื่อเปลี่ยนวิธีการมอง ก็จะพบว่ามีหลายอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถพูดเช่นนั้นได้เต็มปาก

อันดับแรก การที่พนักงานคนสำคัญออกจากทีมไปนั้น ถือเป็นการสร้างโอกาสให้แก่คนรุ่นถัดไป นอกจากนี้ ถ้าสามารถแบ่งปันเรื่องราวที่เกิดขึ้น และทำให้พนักงานในทีมตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ ก็จะส่งผลให้พวกเขาได้พัฒนาความเป็นผู้นำตนเองเพื่ออุดช่องว่างที่เกิดขึ้น ในกรณีที่มีการจ้างพนักงานใหม่เข้ามาเป็นสมาชิกทีมแทนคนเดิม เขาอาจจะทำให้ทีมเห็นถึงแง่มุมใหม่ ๆ หรือนำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ ด้วยก็ได้

นอกจากนี้ พบว่ามีหลายกรณีที่พนักงานที่ลาออกไปแล้วสามารถแสดงผลงานได้ดีในบริษัทต่อ ๆ มา ส่งผลให้เกิดการยกระดับชื่อเสียงของบริษัทเดิมที่เขาเคยทำงาน ที่จริง ในบริษัทที่กำลังเติบโตหลายแห่ง พนักงานก็เข้าออกกันเป็นว่าเล่น เช่น คนจำนวนไม่น้อยที่เคยมีประวัติการทำงานที่ P&G หรือ Google เป็นต้น คนกลุ่มนี้นั้น แม้จะลาออกไปแล้ว แต่ก็เรียกได้ว่าพวกเขายังอุทิศตนให้แก่การสร้างแบรนด์ของบริษัทเก่าอยู่

นอกจากนี้ การลาออกก็น่าจะเป็นโอกาสให้หัวหน้างานได้ตระหนักถึงสิ่งที่ตนควรปรับปรุง โดยเป็นสิ่งที่อาจจะไม่รู้ตัวถ้าไม่เกิดการลาออกขึ้น แม้ตอนนี้จะรู้สึกทรมานใจก็ตาม แต่ถ้าเปลี่ยนวิธีมอง ในอีก 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า อาจจะรู้สึกว่า “เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ตนเติบโตขึ้นมาก” ก็ได้

เมื่อพิจารณาในแง่นี้ ก็จะเห็นถึงความสำคัญของการยับยั้งความรู้สึกอยากตำหนิอีกฝ่าย และเริ่มมองว่า “ตนยังมีตรงไหนที่ไม่ดีพอบ้าง”


การพบเจอกับอีกฝ่ายมีความหมายต่อตัวเราอย่างไร
ในฐานะผู้ประกอบกิจการ ผมเองก็เคยประสบกับการลาออกของพนักงานอยู่บ้าง การลาออกของบางคนก็ทำให้รู้สึกสะเทือนใจอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะตอนทำงานในประเทศไทยนั้น มีเหตุให้สะเทือนใจบ่อยขึ้นเพราะการเปลี่ยนงานเป็นเรื่องปกติของที่นี่

แต่ประสบการณ์เหล่านั้นทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า “การปรับแปลงวิถีการมีอยู่ของตนเองเมื่อเกิดการลาออกขึ้น” นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ผมก็เลยกำหนดว่าจะตั้งคำถามเหล่านี้กับตัวเอง

“พบกับอีกฝ่ายครั้งแรกได้อย่างไร ตอนนั้นรู้สึกอย่างไร”

“สำหรับตัวเรา ชีวิตที่มีอีกฝ่ายกับชีวิตที่ปราศจากอีกฝ่ายมีความแตกต่างกันอย่างไร”

“อีกฝ่ายเข้ามาปรากฏตัวในชีวิตของเราเพื่อสอนหรือบอกอะไรให้แก่เรา”

“เราอยากให้อีกฝ่ายใช้ชีวิตในอนาคตอย่างมีความสุขเช่นไรบ้าง”

เมื่อไม่มองว่าอีกฝ่ายสัมพันธ์กับเราในเรื่อง “งาน” แต่เปลี่ยนมามองว่าเขามี “ชีวิต” ที่สัมพันธ์กับเราอย่างไร ความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณก็จะก่อตัวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ไม่มีการพบปะใดที่สูญเปล่า ในโลกที่มีประชากรอาศัยอยู่หลายพันล้านคน มันคือโชคชะตาที่ทำให้ตัวเราและอีกฝ่ายบังเอิญได้มาทำงานในทีมเดียวกัน เมื่อรู้สึกซาบซึ้งกับข้อเท็จจริงข้างต้น “ความรู้สึกในแง่ลบ” อันเกิดจากเหตุการณ์ตรงหน้าก็น่าจะเบาบางลง และน่าจะทำให้ตัวเราสามารถบอกลาอีกฝ่ายด้วยความเปิดใจ พร้อมทั้งปรารถนาให้อีกฝ่ายประสบความสำเร็จในชีวิตจากนี้

พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นศาสดาของศาสนาพุทธนั้น เคยตรัสถึงคำว่า “ชะตา” โดยทรงสอนว่า “ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นด้วยชะตาบางอย่าง” สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของเราส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นสื่อถึงความหมายบางอย่าง และตัวเราอาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุก็ได้

การมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าคือโชคชะตาและไม่ยินดียินร้ายกับมัน น่าจะทำให้สามารถควบคุมตนเองได้ ทั้งยังทำให้จิตใจเกิดความสงบนิ่งไม่ไหวติงกับเรื่องราวต่าง ๆ ด้วย

ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการเผชิญหน้ากับ “การลาออก” ขอขอบคุณที่อ่านจดหมายข่าวฉบับนี้ครับ

——————-

*ฉบับภาษาญี่ปุ่นอยู่ตรงนี้ครับ ถ้าเป็นไปได้ ขอให้คุณผู้อ่านแชร์จดหมายข่าวนี้ให้แก่คนรู้จักหรือเพื่อนร่วมงานชาวญี่ปุ่นด้วยนะครับ

Link: https://asian-identity.com/hr-egg-jp/newsletter/oct-2020

*ทีมผู้จัดทำ AI Newsletter ยินดีรับฟังความเห็นและตอบคำถามของคุณผู้อ่านครับ! คุณสามารถส่งอีเมลแสดงความคิดเห็น หรือสอบถามมายัง info@a-identity.asia ได้เลยนะครับ! ขอโอกาสให้ผมได้ลองเขียนบทความในลักษณะถามตอบกับคุณผู้อ่านทุกท่านด้วยนะครับ

Credit:
Photo by Mukuko Studio from Unsplash
Photo by Renee Fisher from Unsplash
Photo by Cottonbro from Pexels
Photo by Joshua Ness from Unsplash

 

 

[content_block id=1898 title=yes title_tag=h3]