HOME > Articles > AI NEWSLETTER Vol.30 ความรู้ด้าน “จิตวิทยาสังคม” ที่เป็นประโยชน์ต่อ HR (ตอนที่ 2) – NOVEMBER , 2019
Newsletter

AI NEWSLETTER Vol.30 ความรู้ด้าน “จิตวิทยาสังคม” ที่เป็นประโยชน์ต่อ HR (ตอนที่ 2) – NOVEMBER , 2019

04 พ.ย..2019

จดหมายข่าวฉบับที่ 30 นี้ ผมขอแนะนำความรู้ด้านจิตวิทยาสังคมต่อจากฉบับที่แล้ว หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ HR และ หัวหน้างานทุกท่านนะครับ

ความรู้ด้าน “จิตวิทยาสังคม” ที่เป็นประโยชน์ต่อ HR (ตอนที่ 2)


Pygmalion Effect: ทำไมบุคลากรสามารถพัฒนาเติบโตได้ดีเมื่ออยู่ภายใต้การดูแลของหัวหน้างานบางคน
หัวหน้างาน คือ สาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้พนักงานลาออก ตามคำกล่าวที่ว่า “Employees don’t leave companies. They leave managers.”

เมื่อพิจารณาถึงองค์กรทั้งหลาย ก็จะพบว่าในแต่ละองค์กรมักจะมีหัวหน้างานที่ลูกน้องทำงานด้วยแล้วสามารถพัฒนาตนเองได้ดี กับ หัวหน้างานที่พนักงานทำงานด้วยแล้วอยากลาออก สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่อง “Pygmalion Effect” ที่ผมกล่าวข้างต้นนี้

Pygmalion Effect นั้นเป็นทฤษฎีที่ได้จากการทดลองซึ่งมีครู และ นักเรียนเป็นผู้เข้าร่วม จัดขึ้นโดยนักจิตวิทยาชื่อ Rosenthal ทฤษีนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ผลกระทบจากความคาดหวังของครูผู้สอน”

การทดลองข้างต้นแสดงให้เห็นว่า หากครูผู้สอนมี “ความคาดหวัง” บางอย่างต่อผู้เรียน ความคาดหวังนั้นจะส่งผลกระทบต่อผู้เรียนทั้งในระดับที่รู้ตัว และ ไม่รู้ตัว ส่งผลให้ผู้เรียนสร้างผลงานได้ตามที่ถูกคาดหวัง หรือ ตามที่คาดการณ์ไว้

กล่าวคือ หากครูผู้สอนเชื่อว่า “นักเรียนคนนี้สามารถทำได้” นักเรียนก็จะมีการพัฒนา หากครูผู้สอนคิดว่า “นักเรียนจะทำไม่ได้” นักเรียนก็จะไม่พัฒนา

ผมคิดว่าลักษณะข้างต้นเกิดขึ้นในวงการธุรกิจของเราเช่นกัน ซึ่งก็คือ ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้างาน และ ลูกน้อง หากหัวหน้างานมองเห็น “จุดแข็ง” ของพนักงาน และ เชื่อใน “ศักยภาพ” ของพนักงาน พนักงานก็จะพัฒนาเติบโต ในทางกลับกัน หากหัวหน้างานเพ่งเล็ง “จุดที่พนักงานทำไม่ได้” และ “หมดหวัง” ในตัวพนักงานอย่างรวดเร็ว พนักงานเหล่านั้นก็จะไม่เติบโต

ทั้งนี้ ต่อให้เราเข้าใจแล้วว่า “การเชื่อในศักยภาพของลูกน้องมีความสำคัญ” แต่ก็เป็นอะไรที่ทำได้ยาก ต่อให้หัวหน้างานพยายามเชื่อในตัวพนักงาน แต่ก็เป็นธรรมดาที่คนเรามักจะมองไปยังส่วนที่ไม่ดีของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว และ ส่งผลให้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ เมื่อเห็นส่วนไม่ดีเหล่านั้น

“ความรู้สึก” ของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยากมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นผมจึงอยากจะแนะนำให้ท่านมุ่งเน้นด้านการปรับเปลี่ยน “พฤติกรรม” เราสามารถสื่อให้ลูกน้องเห็นถึงความเชื่อใจที่เรามีให้เขา ด้วยการ “กระทำ” สิ่งต่าง ๆ ซึ่งชี้ให้อีกฝ่ายเห็นว่าเราเชื่อในตัวลูกน้องอย่างสม่ำเสมอ เช่น การตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ให้โอกาส และ ให้การศึกษา เป็นต้น

นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็จะส่งผลให้ความรู้สึกของตนค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย


Cognitive dissonance (ความไม่ลงรอยกันทางประชาน): ทำไมคนเราจึงวิจารณ์ผู้อื่น
ท่านรู้จักนิทานอีสปเรื่อง “องุ่นเปรี้ยว” ไหมครับ

สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเห็นพวงองุ่นน่ากิน และ พยายามเด็ดจากต้น แต่ พวงองุ่นอยู่สูง กระโดดเท่าไรก็เอื้อมไม่ถึง สุดท้ายจิ้งจอกตัวนั้นจึงเลิกเด็ดองุ่น แล้วบอกกับตัวเองว่า “เด็ดไปก็เท่านั้นแหละ องุ่นมันเปรี้ยว ไม่ได้กินก็ไม่เห็นจะเป็นไร”

หลายครั้งที่ “สิ่งที่คน ๆ หนึ่งรับรู้” กับ “สิ่งที่กระทำ” มีความขัดแย้งกัน ความขัดแย้งดังกล่าวจะทำให้มนุษย์เราไม่สบายใจ มนุษย์จึงพยายามหลีกเลี่ยงภาวะดังกล่าว (ป้องกันตนเอง) ด้วยการบิดเบือนสิ่งที่ตนรับรู้ เหมือนกับสุนัขจิ้งจอกในนิทานข้างต้น

สมมุติว่า มีพนักงานคนหนึ่งซึ่งอายุน้อยกว่าเราเข้ามาทำงานใหม่ในบริษัท หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้รับผิดชอบงานใหญ่ เมื่อเกิดเหตุการณ์ข้างต้น คนเราจะไม่ค่อยสามารถยอมรับได้ว่ามันเป็นเพราะบุคคลดังกล่าวมีศักยภาพสูงกว่าตน แม้มันจะเป็นสาเหตุที่แท้จริงก็ตาม

เพื่อป้องกันตนเองจากภาวะความไม่สบายใจดังกล่าว คนเราจะสร้างความคิดบิดเบือนให้แก่ตนเอง เช่น “หัวหน้าคงถูกใจพนักงานคนนั้น” หรือ “ระบบงาน HR ของบริษัทนี้ผิดปกติ” การคิดเช่นนี้เป็นไปเพื่อขจัดความไม่สบายใจของตนเอง

“การปกป้องตนเองด้วยการวิจารณ์สิ่งอื่น” นี้ เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์ แต่หากปล่อยให้เหตุการณ์เป็นไปโดยไม่ทำอะไร พนักงานอาจจะเข้าใจกันผิด และ ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานก็จะแย่ลงได้

หากจะแก้ไขสถานการณ์ข้างต้น เราก็จำเป็นต้อง “พิจารณาแยกกัน” อย่างเช่นเรื่อง “องุ่นเปรี้ยว” ก็ต้องมองว่า “การเด็ดองุ่นไม่ถึง” กับ “การที่องุ่นเปรี้ยว” เป็นคนละเรื่องกัน

สำหรับประเด็นเรื่องพนักงานใหม่ก็เช่นกัน เราก็ควรมองว่า “การที่พนักงานใหม่ได้รับงานใหญ่” กับ “การที่ตน (รู้สึกว่า) ถูกปฏิบัติอย่างเย็นชา” เป็นคนละเรื่องกัน ทั้งนี้ หัวหน้างานก็อาจจะจำเป็นต้องอธิบายอย่างชัดเจนด้วยว่าการมอบหมายงานนั้นมีความเหมาะสมตามหลักวางคนให้ถูกกับงาน

จดหมายข่าวฉบับนี้ ผมได้แนะนำเนื้อหาด้านจิตวิทยาไว้ 2 ประเด็น ผมขอจบจดหมายข่าวฉบับนี้ไว้เพียงเท่านี้ครับ

คอร์สอบรมต่าง ๆ ของทาง Asian Identity เช่น “HR College” สำหรับเจ้าหน้าที่ HR และ “Identity Leadership Workshop” สำหรับหัวหน้างานนั้น ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้แนวคิดเกี่ยวทฤษฎีเหล่านี้ และ ได้ลองนำทฤษฎีต่าง ๆ มาฝึกใช้ให้เกิดประโยชน์ หากท่านสนใจ กรุณาเข้าร่วมคอร์สอบรมกับพวกเราได้เลยนะครับ

 

[content_block id=1898 title=yes title_tag=h3]