HOME > Articles > AI NEWSLETTER Vol.14 “พัฒนาบุคลากรเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโต” – MAY , 2018
Newsletter

AI NEWSLETTER Vol.14 “พัฒนาบุคลากรเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโต” – MAY , 2018

24 ก.ค..2019

“พัฒนาบุคลากรเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโต”


บริษัท ADVICS Asia Pacific Co.,Ltd.
ADVICS เป็นเครือบริษัทชั้นนําด้านระบบเบรกสําหรับรถยนต์ที่มีความโดดเด่นในวงการธุรกิจ มีบริษั ท ADVICS Asia Pacific Co.,Ltd. (หรือในชื่อย่อว่า “ADSAP”) ดูแลกิจการโดยรวมในประเทศไทยและอินโดนีเซีย และวางแผนขยายรากฐานกิจการเพื่อ รองรับความต้องการใน ภูมิภาค ASEAN ซึ่งกําลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง วันนี้ทีม Asian Identity ได้รับโอกาสในการสัมภาษณ์ คุณ Koike ผู้จัดการทั่วไป และคุณธวัช รองประธานบริษัทเกี่ยวกับนโยบายและแนวคิดขององค์กรในส่วนที่่เกี่ยวกับการพัฒนา บุคลากรค่ะ

AI : รบกวนช่วยเล่าถึงความเป็นมาของธุรกิจ และการริเริ่มพัฒนาบุคลากรของทางบริษัทให้ฟังด้วยค่ะ

คุณ KOIKE (จากนี้ใช้ ‘KOIKE’): ADVICS พัฒนา ผลิต และจําหน่ายระบบเบรกสําหรับรถยนต์ให้แก่บริษัทผู้ผลิตรถชื่อดัง ทั่วโลก ในฐานะที่เราเป็นบริษัทใน TIER 1 ครับ โดยADSAP เป็นฐานในการบริหารจัดการธุรกิจในอาเซียน รับผิดชอบดูแลบริษัท 4 แห่งในเครือ ซ่ึงรวมถึงบริษัทท่ีเป็นโรงงานผลิตในไทย และอินโดนีเซียด้วยครับ

ผมย้ายมาทํางานที่ไทยในปี 2013 ตอนนั้นเป็นช่วงสําคัญของธุรกิจในอาเซียนของเราพอดีครับ ตอนนั้นเรากําลัง จะก่อตั้งบริษัทขึ้นเป็นโรงงานผลิตในประเทศไทยเพ่ือรองรับตลาดอาเซียนที่กําลังจะเติบโตครับ

ADSAP ได้กําหนดวิสัยทัศน์ และพันธกิจด้านการบริหารองค์กร ADVICS ในอาเซียน และได้กําหนด ASEAN Master Plan เพื่อบรรลุเป้าหมายข้างต้น ทั้งนี้ พนักงานทุกคนต่างก็ปฏิบัติงานไปในทิศทางเดียวกันทุกวัน ผมรับผิดชอบงานด้าน การวางแผนบริหาร ระหว่างที่จัดทํา Master Plan ผมก็เริ่มมองเห็นโจทย์ที่ว่า เราจะพัฒนาพนักงานให้เติบโตอย่างรวดเร็ว ตามทันระดับการเติบโตขององค์กรตามที่วางแผนไว้ได้อย่างไร “องค์กร คือ บุคคล” ผมคิดว่าการพัฒนาบุคลากรนี่แหละ ครับที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสําคัญในการบรรลุเป้าหมายของบริษัท ผมจึงส่งเสริมนโยบายการพัฒนาบุคลากรเรื่อยมา เส้นกราฟ การเติบโตของพนักงานที่บริษัทคาดหวังนั้นสูงมาก ผมคิดว่าตามปกติแล้วคนเราเรียนรู้เติบโตจากประสบการณ์ครับ แต่ผม คิดว่าเราจําเป็นต้องมีนโยบายด้านการพัฒนาบุคลากรที่จริงจังเพื่อที่บุคลากรจะได้เติบโตได้เร็วขึ้นจนถึงระดับที่บริษัทคาด หวังครับ

คุณธวัช (จากนี้ใช้ ‘ธวัช’): เดิมที ADSAP ก็มีระบบงานด้านการพัฒนาบุคลากรอยู่แล้วครับ เราเตรียมงบค่าอบรมพนักงาน ไว้ พนักงานสามารถยื่นเรื่องให้บริษัทสนับสนุนค่าอบรมคอร์สที่ตนสนใจได้ครับ แต่ระบบนี้ไม่เห็นว่าส่งผลต่องานอย่างไร และ ผมเห็นว่ามีหลายครั้งที่ไม่เห็นผลหลังอบรม และบางครั้งพนักงานก็อาจจะไม่รู้ว่าตนควรเรียนรู้ด้านใด เพราะฉะนั้นเราจึงจําเป็น ต้องเชื่อมโยงเป้าหมายเข้ากับหลักการพัฒนาความสามารถที่บุคลากรจําเป็นต้องมีหากบริษัทต้องการบรรลุเป้าหมาย

AI : มีการเร่ิมแผนงานการพัฒนาอย่างไรบ้างคะ


KOIKE: มี 2 ประเด็นครับ อั นดับแรกคือเรื่อง “การพัฒนาให้บุคลากรสามารถพัฒนาสายอาชีพ (CAREER PATH) ได้อย่าง หลากหลาย” ในอนาคต เมื่อเรามีพนักงานจํานวนมากขึ้น วิธีการทํางาน และ ค่านิยมในการทํางานก็จะมีความหลากหลาย แม้ ตําแหน่งงานจะมีอยู่อย่างจํากัด แต่ผมคิดว่าการใช้ความสามารถหรือเอกลักษณ์ของแต่ละคนให้เป็นประโยชน์เป็นส่ิงสําคัญ มากครับ จากเดิมที่ทาง HR มีระบบพัฒนาสายงาน (CAREER PATH) สายเดียว คือ “MANAGEMENT COURSE” เราจึงได้เพิ่ม โครงการพัฒนาสายงาน “PROFESSIONAL COURSE” เข้ามาเป็นการเพิ่มทางเลือกด้านการเติบโตในสายงานครับ

จากนั้น เราก็ได้เรียบเรียง “ความสามารถท่ีบริษัทต้องการให้พนักงานพัฒนา” ครับ มีด้วยกันท้ังหมด 6 ข้อ ซึ่งเรา เรียกว่า Core Competency ครับ ได้แก่ “ความรู้เฉพาะทาง” “ความสามารถในการคิด” “ความสามารถในการทําส่ิงต่างๆให้ สําเร็จเสร็จส้ิน ” “ความสามารถในการมีอิทธิพลต่อผู้อื่น” “ความสามารถในการการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่องค์กร” และ “พฤติกรรมท่ีคาดหวัง” ครับ และเราได้กําหนดความสามารถท่ีบุคลากรในแต่ละตําแหน่งพึงมีด้วยครับ


AI : มีการกําหนด COMPETENCY อย่างไรคะ

KOIKE: เราพัฒนาระบบขึ้นโดยอ้างอิงระบบงาน HR ของสํานักงานใหญ่ท่ี ญ่ีปุ่นครับ เรามาปรับให้เข้ากับประเทศไทยครับ พวกเราอภิปรายร่วมกันแล้วแก้ไข เพิ่มเติม แต่ที่จริงก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรใหญ่โตครับ เนื่องจากเราพบว่าความ สามารถที่พึงมี หรือทัศนคติท่ีพึงมีในการทํางานน้ัน โดยพื้นฐานแล้ว ไม่ว่าจะที่ ไทย หรือญี่ปุ่นก็ไม่ต่างกัน เช่น ความสามารถที่ MANAGER พึงมี เป็นต้น

ธวัช: ทว่า คําว่า “Competency” มีความเป็นนามธรรมมากครับ พวกเรา จึงเลือกท่ีจะเพิ่มคําอธิบายที่ชัดเจนเข้าไปด้วยเม่ือเราเผยแพร่หลักการเหล่าน้ีในไทย นอกจากนี้เรายังรับฟังความเห็นของพนักงานไปพร้อมกันด้วยว่าพวกเขาต้องการพัฒนาความสามารถด้านใด เรา ทําความเข้าใจแล้วปรับเข้ากับระบบงานครับ


AI : หลังจากนั้น มีการวางระบบหรือแผนงานขั้นตอนอย่างไรต่อบ้างคะ 

KOIKE: เมื่อกําหนด COMPETENCY เรียบร้อยแล้ว อันดับถัดมา เราก็ เริ่มปรับ “CAREER PATH” ให้มีความชัดเจนครับ ที่ ADSAP เรามีระบบการรวบรวมความเห็นพนักงานโดยที่ประธานบริษัทจะพูดคุยกับพนักงานทุก ๆ คนครับ เมื่อพูดคุยแล้วก็พบ ว่ามีพนักงานจํานวนหนึ่ง “มองไม่เห็นว่าในอนาคตตนจะเติบโตไปในทิศทางใดใน ADVICS” อยู่ด้วยครับ

ผมคิดว่า ที่จริง CAREER PATH คือการคิด พยายาม และพัฒนาตนให้เป็นไปในแบบที่ตนต้องการ ไม่ใช่การรับ สิ่งที่ผู้อื่นจัดให้เพียงอย่างเดียว

เราให้พนักงานคิดถึงภาพที่ตนอยากเป็นในช่วง 5 ปีหลัง จากนี้ เขียนลงใน SHEET จากนั้นนํามาแชร์ให้หัวหน้างานและฝ่าย HR ฟังเพื่อทําความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างสภาพปัจจุบัน กับสิ่งที่อยากเป็น จากนั้น บริษัทจะให้โอกาสต่างๆกับพนักงานโดย อ้างอิงจาก SHEET นี้ ส่วนพนักงานก็จะสร้างผลงานให้ดีเพื่อตอบ สนองโอกาสเหล่านี้ เป็นระบบที่ทั้งสองฝ่ายดําเนินการโดยมีพันธะ สัญญาต่อกัน และทําเช่นนี้ซํ้าไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องครับ

AI : แต่อาจจะมีบางคนที่ไม่รู้จะออกแบบเส้นทางอาชีพของตนอย่างไรดีใช่ไหมคะ

KOIKE: คิดว่าตอนแรกคงลังเลพอสมควรเลยครับ คนบางส่วนอาจจะคิดเรื่องน้ีเป็นประจํา แต่ผมคิดว่าสําหรับคนส่วนใหญ่ น่ีเป็นโอกาสให้แต่ละคนได้คิดถึงอาชีพการทํางานของตนเป็นครั้งแรกเลยครับ

Thawatさん: บริษัทเรามีพนักงานหลากหลายครับ บางคนก็อยากเป็น Manager บางคนก็อยากทํางานเดิมไปเร่ือย ๆ ครับ ไม่ใช่ว่า ทุกคนอยากจะท้าทายตนเองเสมอไป เราได้รู้เร่ืองเหล่านี้ตอนท่ีจะทําระบบนี้ครับ

คนเรามีแรงจูงใจแตกต่างกันไป บริษัทเองก็คิดว่าคนเรามีหลายรูปแบบ บางคนก็อยากเลื่อนตําแหน่ง พัฒนาสาย งานของตนไปเรื่อย ๆ บางคนก็อยากทํางานที่ให้ความรู้สึกม่ันคงครับ ทว่าบริษัทอยากให้แต่ละคนเติมเต็มแรงจูงใจของตน อุทิศตนให้บริษัทชื่อ ADVICS และทําให้ความตั้งใจของตนเป็นจริงครับ

ในทางกลับกัน เวลาท่ีบางคนพูดว่า “ผม/ดิฉันอยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว” เราก็ต้องพิจารณาด้วยครับว่าเขาคิดอย่างน้ันจริง หรือไม่ ประเด็นนี้ก็มีความสําคัญครับ เขาอาจจะพูดว่า “อยู่แบบน้ีก็ดีแล้ว” เพราะที่จริงเขาไม่พอใจบริษัทก็เป็นได้ครับ ถ้าฝ่าย HR ต้ังใจรับฟัง ทําความเข้าใจถึงความในใจที่แท้จริง และช่วยแก้ปัญหา พนักงานอาจจะอยากท้าทายตนเองมากขึ้นก็ได้ครับ HR จึงจําเป็นต้องพิจารณาประเด็นนี้ด้วยครับ

KOIKE: ความพยายามของ MANAGER เป็นปัจจัยสําคัญมากในการผลักดันให้ CAREER PATH DESIGN SHEET สําเร็จเป็น รูปเป็นร่างครับ ถ้าลูกน้องเป็นคนเขียนไม่เก่ง หัวหน้าก็ต้องชี้แนะ ดังน้ัน การให้ความรู้แก่คนที่เป็นหัวหน้างานนี่แหละครับท่ี สําคัญมาก การที่หัวหน้างานปฏิบัติหน้าท่ี เช่น หัวหน้าหน่วยงานที่เล็กท่ีสุดในองค์กรรับฟังลูกน้อง และพัฒนาลูกน้องน้ัน เป็นการส่งเสริมองค์กร และส่งผลให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายองค์กรได้ครับ ผมคิดว่าการที่ HR มุ่งม่ันให้ความรู้ MANAGER อย่างเต็มที่จะส่งผลให้พนักงานสามารถออกแบบ CAREER PATH ได้ครับ