HOME > Articles > ก้าวแรกสู่การอยู่ร่วมกันเป็นทีมกับคนใหม่ที่ไม่คุ้นเคย
HR Blog

ก้าวแรกสู่การอยู่ร่วมกันเป็นทีมกับคนใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

10 ม.ค..2020

ไม่แน่ใจว่ามีใครได้ดูซีรีส์ One Year 365 บ้านฉันบ้านเธอ กับผู้เขียนหรือเปล่า
ผู้เขียนบอกได้คำเดียวว่าตอนนี้เป็นแฟนละครเรื่องนี้มาก ๆ เป็นเรื่องที่มีเสน่ห์ในการเล่าเรื่อง ซึ่งสะท้อนได้ไม่เพียงแต่เรื่องการใช้ชีวิตครอบครัว แต่ก็ยังสามารถสะท้อนถึงจิตวิทยาการสร้างทีมใหม่กับคนที่เคยรู้จักกัน หรือไม่คุ้นเคยกันมาก่อนได้เป็นอย่างดี (มีการเปิดเผยเนื้อเรื่องบางส่วน)

เรื่อง One Year 365 บ้านฉันบ้านเธอ จากค่าย GDH เป็นการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของสมาชิกแต่ละคนของสองครอบครัวที่ต้องมาอยู่ร่วมกัน เนื่องจากคุณพ่อ(หม้าย) และคุณแม่(หม้าย) ของสองครอบครัวที่มีคุณลูกโตระดับมัธยมและมหาวิทยาลัยทั้งสองบ้าน ตกลงจะแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกัน แน่นอน ก็จะมีทั้งคุณลูกที่เห็นด้วยกับคุณพ่อหรือคุณแม่ของบ้านตนเองบ้าง ไม่เห็นด้วยเลยกับการต้องมาใช้ชีวิตกับคนที่เราไม่เคยรู้จักมักจี่มาก่อนเลยบ้าง หรือแค่เห็นหน้ากันก็ไม่ชอบหน้ากันละบ้าง (ก็ธรรมดานะวัยรุ่น!) และเมื่อความรู้สึกเหล่านี้ต้องมาอยู่ใต้หลังคาเดียวกันทั้ง 9 คน ไม่ว่าจะชอบไม่ชอบก็ตาม จะจัดการการอยู่ร่วมกันโดยที่เราเลือกคนเราอยู่ด้วยไม่ได้อย่างนี้ได้อย่างไรดี

ถ้ามองดี ๆ ก็จะพบว่าคำถามของเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากคำถามที่พบเจอได้ในการทำงานเลย เมื่อเวลาเราได้รับเลือกให้รับผิดชอบงานโปรเจค หรือหน้าที่ที่ต้องทำรวมกันกับสมาชิกทีมคนอื่น ๆ ซึ่งแน่นอนว่ามีโอกาสน้อยที่เราจะสามารถเลือกสมาชิกที่เราต้องทำงานด้วยกันได้ด้วย แล้วบางครั้งอาจจะจับพลัดจับผลูต้องทำงานกับสมาชิกร่วมทีมที่เห็นหน้าก็ตะหงิด ๆ แล้ว มีตัวช่วยอะไรบ้างไหมให้การที่ต้องทำงานร่วมกัน หรืออยู่ร่วมกันกับคนที่เราไม่คุ้นเคย ไม่สนิทใจ เป็นไปได้ด้วยดี มาค่ะ เข้ามานั่งใกล้ ๆ แล้วมาแชร์ไอเดียกันค่ะ

 

ลำดับแรก ระวังปฏิกิริยาของตนเองเสมอ
First Impression หรือความประทับใจแรกพบสำคัญที่สุด ดังนั้นแล้ว สิ่งแรกที่น่าจะจัดการตัวเองเป็นอย่างแรกคือ การต้องระวังปฏิกิริยาของตัวเราเองก่อนค่ะ เช่น มานั่งประจันหน้ากันครั้งแรก ปฏิกิริยาเรา จะชอบไม่ชอบ ถูกใจไม่ถูกใจอย่างไรต้องเก็บอาการตัวเองไว้ให้ดี อย่างน้อย ก็จะช่วยให้การเริ่มต้นก้าวลงเรือลำเดียวกัน ไม่กระอักกระอ่วนกันก่อนนะคะ

 

ลำดับที่สอง ลองเปิดใจฟังทำความเข้าใจอีกฝ่าย

Don’t Judge a book by its cover. คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนะ เห็นหน้าเสือ ๆ โหด ๆ อาจจะเป็นคนใจดี หรือเห็นพูดเก่งจริงจัง อาจจะเป็นคนเทงานตอนจบก็ได้ เราไม่สามารถตัดสินหนังสือจากปกได้ฉันใด เราก็คงไม่สามารถตัดสินคนจากความรู้สึกแว่บแรกได้ฉันนั้น อ่าว แล้วทำไงดีอ่ะ เห็นหน้าแล้วก็รู้สึกหมั่นไส้แล้วจะทำอย่างไรดี

ก่อนอื่นก็ต้องรู้เท่าทันความรู้สึกตัวเองก่อนเลย สมองมนุษย์คนเราออกแบบมาให้ขี้เกียจมาก ๆ คือ เห็นอะไรก็จะเกิดการตัดสินได้ทันที (เป็นสัญชาติญาณดิบในการเพิ่มโอกาสการหนีเอาตัวรอดของมนุษย์ตั้งแต่สมัยอยู่ถ้ำ) พวกศาสตร์การอ่านคนจากหน้าตาก็เป็นหนึ่งในความพยายามในการกำจัดความเสี่ยงระยะยาว และพาตัวเองออกจากความเสี่ยงนั้นให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถามว่าเซนส์ตัดสินเหล่านี้มีความตรงบ้างไหม บางคนก็เซนส์แรงจริง ๆ ตรงบ้างจริง แต่…ไม่ตรงก็ถมเถไปเช่นกันค่ะ!!! โดยเฉพาะกับคนที่เรายังไม่เคยใช้เวลาด้วยกันมาก่อนเลย ตัวอย่างจากเรื่อง 365 ก็จะเห็นความไม่กินเส้นกันตั้งแต่แรกพบของน้องเล็กของทั้งสองบ้าน คือเบบี้และแพรวพราว ที่ตั้งแง่ใส่กันด้วยกันตั้งแต่ Day 1 ตั้งแง่ว่าไม่ชอบกันและกันแน่ ๆ โดยที่ยังไม่ได้รู้จักกันด้วยซ้ำไป

ดังนั้นก่อนที่เราจะเชื่อใจที่ตัดสินใครเร็วไป อยากให้เราถอยตัวเองออกมาหนึ่งก้าว ให้โอกาสให้การพูดคุยทำความรู้จักกับคนนั้น ๆ วิธีการง่ายที่สุด คือ พยายาม “ฟัง” อีกฝ่ายให้มากขึ้นค่ะ โดยการ “ฟัง” นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นคำพูดอย่างเดียว ลองอ่านท่าทางบรรยากาศดู ลองอ่านอารมณ์ หรือเพื่อให้กระชับเวลาให้มากกว่านั้น คือ Kick-off ทีมใหม่ด้วยการลองเปิดใจคุยกัน ว่าในงานหรือโปรเจคที่เราต้องทำร่วมกันนั้น แต่ละคนมองเป็นอย่างไรบ้าง เห็นเป้าหมายร่วมกันเป็นอย่างไร ความรู้สึก ความสำคัญของงานนี้ในมุมมองของแต่ละคน ความถนัดไม่ถนัด ข้อจำกัด และวิธีการทำงานที่แต่ละคนอยากลงมือทำ

เมื่อเปิดไพ่ของแต่ละคนในเรื่องเหล่านี้ลงบนโต๊ะ จะทำให้เราสามารถเห็นภาพรวมของทุกคนที่ต้องอยู่ร่วมกันกันได้มากขึ้น เส้นทางในการปรับตัวเข้าหากันได้ชัดมากขึ้นกว่าเดิม

 

ลำดับที่สาม สร้างกติกาการอยู่ร่วมกัน และการช่วยกันและกันรักษากติกา

เมื่อเห็นภาพรวมทีมใหม่นี้แล้ว ขึ้นตอนถัดไปที่ขาดไม่ได้เลย คือ การสร้างกติการ่วมกันค่ะ ร้อยพ่อพันแม่ การที่เราจะอยู่ด้วยกันได้อย่างราบรื่นในช่วงเริ่มต้น คงไม่พ้นการที่ต้องมีกฎกติกาพื้นฐานระหว่างกัน เพื่อเป็นการเตือนกันถึงเป้าหมาย เราจะทำงานด้วยกันอย่างไร และแนวทางที่เราอยากจะไปด้วยกัน เส้นของแต่ละคนที่เราจะไม่ล้ำและหลีกเลี่ยงการสร้างความไม่สบายใจซึ่งกันและกันด้วยกติกาตรงนี้ค่ะ

ตัดภาพมาที่สองสาวสุดท้องเบบี้และแพรวพราวในเรื่อง ทั้งคู่อาจจะยังเข้าหน้ากันไม่ได้ แต่ถ้ากลับบ้านเพื่อความปลอดภัย กติกาคือต้องรอกัน และกลับด้วยกันนะ หากมีคนทำผิดกติกา แน่นอน ก็ต้องมีการเรียกมาคุยกัน ถามถึงเหตุผล ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่คุ้นชิน หรืออาจลืมใส่ใจในกติกาใหม่บ้าง อันนี้เป็นหน้าที่ของทุก ๆ คนในทีมที่ต้องช่วยกันให้ทุกคนเคารพ เข้าใจ และทำตามกติกาด้วยกันได้ง่ายค่ะ โดยอย่าเพิ่งผลักไปโทษคนที่ผิดกติกาอย่างเดียว เพราะเค้าอาจจะมีเหตุผล หรืออาจจะใหม่กับกติกานี้มาก ๆ จนทำตัวไม่ถูกก็เป็นได้ ลองใจเขาใจเราดูก่อน ถ้ายังใจร้อน อยากให้ลองย้อนไปทบทวนตัวเองในข้อที่หนึ่ง และสองกันอีกครั้งนะคะ

การที่อยู่ร่วมกัน หรือทำงานร่วมกัน แน่นอนว่าเราไม่จำเป็นต้องรัก ต้องชอบทุกคน แต่ที่สำคัญที่สุดคือ แล้วเราจะจับทางของแต่ละคนเพื่อให้ทำงานร่วมกันและบรรลุจุดประสงค์ร่วมกันได้อย่างไรมากกว่า เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาแน่นอน เวลาจะเป็นตัวช่วยให้จับทางกันได้ ขอเพียงแต่เริ่มต้นทีมอย่างมีสุขภาพดีด้วยการ (ทวนอีกครั้ง!)

หนึ่ง ระวังปฏิกิริยาของตนเองเสมอ

สอง เปิดใจฟังทำความเข้าใจอีกฝ่าย

สาม สร้างกติกาการอยู่ร่วมกัน และการช่วยกันและกันรักษากติกา

 

หวังว่าบทความเล็ก ๆ นี้น่าจะเป็นประโยคในการเปิดปีศักราชใหม่กับทีมงานใหม่ ๆ ที่หลาย ๆ ท่านต้องเผชิญไม่มากก็น้อยนะคะ

ผู้เขียนก็ขอเป็น”สายซับ” ให้ผู้อ่านทุกท่านด้วยการส่งบทความดี ๆ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีกันทั้งกายใจตนเอง และสุขภาพทีมนะคะ และหากช่วงนี้เกิดมีความเครียดจากการเปิดงานปีใหม่นี้ ก็ลองกดไลน์ทีวี ดูซีรีส์ One Year 365 บ้านฉันบ้านเธอ แก้เครียดกันได้นะคะ มาช่วยผู้เขียนเอาใจช่วยตัวละครทุก ๆ ตัวในบ้านหลังเล็ก ๆ นี้ ไปด้วยกันค่ะ สวัสดีปี 2020 ค่ะ

(ที่มาของภาพประกอบ: ซีรีส์ One Year 365 บ้านฉันบ้านเธอ)

——————-

> Subscribe เพื่อติดตามข่าวสารน่าสนใจ และบทความแนะนำที่คนทำงานไม่ควรพลาด:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/subscribe

> ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือคุยกับที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/contact

 

[content_block id=1898 title=yes title_tag=h3]