HOME > Articles > AI NEWSLETTER Vol.16 ทักษะการบริหารจัดการตนเอง (Self-Management) ซึ่งผู้นําทีมพึงมี คือ อะไร – JULY , 2018
Newsletter

AI NEWSLETTER Vol.16 ทักษะการบริหารจัดการตนเอง (Self-Management) ซึ่งผู้นําทีมพึงมี คือ อะไร – JULY , 2018

24 ก.ค..2019

เดือนนี้ผมขอนําเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับทักษะในการบริหารจัดการตนเอง (Self-Management) ครับ

ปัจจุบัน การเป็นหัวหน้างานในองค์กรกลายเป็นงานที่ก่อให้เกิดความเครียดเป็นอย่างยิ่ง มี Manager จํานวนมากที่ รู้สึกเครียดเพราะมีภาระงานอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานด้านการรับผิดชอบผลประกอบการ การพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชา การประสานงานกับสํานักงานใหญ่ และการพัฒนาตนเอง เป็นต้น พวกเราควรจัดการกับความเครียดอย่างไรดี

ทักษะการบริหารจัดการตนเอง (Self-Management) ซึ่งผู้นําทีมพึงมี คือ อะไร

พฤติกรรม DERAILMENT (อุปสรรค) ที่ผู้เป็นหัวหน้างานควรระมัดระวัง
เวลาที่มนุษย์เรามีความเครียดสะสม ความเครียดนั้นจะส่งผลต่อความรู้สึก แสดงออกมาทางสีหน้า การกระทํา และ วาจา บริษัทของเราเรียกการกระทําและวาจาเชิงลบเหล่านั้นว่าเป็นพฤติกรรม DERAILMENT (พฤติกรรมที่เป็นอุปสรรค) โดย แบ่งออกเป็น 6 ประเภทและให้คําจํากัดความดังนี้

1.INSENSITIVITY (การไม่ใส่ใจความรู้สึก) = ไม่สามารถอ่านความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่นได้ คิดทําตามสมมติฐานของ ตนเอง
2.DEFENSIVENESS (การโต้เถียงเพื่อปกป้องตนเอง) = ถกเถียงและยืนยันความเห็นของตนเพื่อปกปิดความล้มเหลว หรือจุดบกพร่องของตนเอง
3.IMPULSIVENESS (ความหุนหันพลันแล่น) = ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเอง กระทําโดยไม่ได้คํานึงถึงผู้อื่น
4.DEPENDENCE (การไม่กล้าตัดสินใจ) = ผลักภาระการตัดสินใจให้ผู้อ่ืน ไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
5.INDIFFERENCE (ความไม่สนใจ) = มอบหมายงานท้ังหมดโดยไม่ติดตามความคืบหน้าและผลลัพธ์ของงาน
6.AVOIDANCE (การหลีกเลี่ยง) = หลีกเลี่ยงจากความเสี่ยง หรือ ปัญหาต่าง ๆ หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ

พฤติกรรมเหล่านี้ มนุษย์เราต่างมีแนวโน้มที่จะกระทํา แต่ถ้าผู้เป็นหัวหน้างานซ่ึงเป็นคนที่สามารถส่งผลกระทบให้แก่
ผู้อื่นได้นั้นมีพฤติกรรมข้างต้นอย่างชัดเจน ก็จะส่งผลกระทบต่อลูกน้องและคนรอบข้างได้ ดังน้ันเราจึงจําเป็นต้องแก้ไข พฤติกรรมอันเป็นอุปสรรคต่อการงานที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น

ในกรณีที่เห็นพฤติกรรมเหล่านี้อย่างชัดเจนแล้ว ผู้คนรอบข้างควร Feedback หรือชี้แจงอย่างเหมาะสมให้แก่ผู้มี พฤติกรรมนั้น ๆ แต่ตามปกติคนเรามักจะไม่กล้าที่จะ Feedback คนรอบข้างเพราะกังวลว่าจะทําลายความสัมพันธ์ระหว่างกันดังนั้นการทําแบบสํารวจ 360 องศาโดยไม่ระบุชื่อผู้ประเมิน หรือการใช้แบบ ทดสอบจึงเข้ามามีบทบาทสําคัญ โดยแบบทดสอบนั้นจะทําให้ผู้ทดสอบได้ เห็นถึงพฤติกรรมที่ตนทําโดยไม่รู้ตัว

เสริมสร้างทักษะของเหล่าหัวหน้างานในการตระหนักรู้ถึงกระบวนการ รู้คิดของตนเอง (METACOGNITION)
ในทางกลับกัน เราอาจกล่าวได้ว่าความสามารถในการควบคุม ความรู้สึกเชิงลบของตนด้วยตนเอง ก็เป็นทักษะที่ผู้เป็นหัวหน้างานจําเป็น ต้องมีด้วย ไม่ควรพึ่งพาสิ่งกระตุ้นจากภายนอกเพียงอย่างเดียว ถ้าเรา รับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในแต่ละวันแบบเฉพาะหน้าไปเรื่อย ๆ เราจะรู้สึก เครียดและจะส่งผลต่อจิตใจของตนเอง ดังนั้น “Metacognition” (ความ สามารถในการตระหนักรู้ถึงกระบวนการรู้คิดของตนเอง) จึงเข้ามามี บทบาทสําคัญ

ความสามารถในการตระหนักรู้ถึงกระบวนการรู้คิดของตนเอง คือ การที่เราเข้าใจว่าตนกําลังรู้สึกอย่างไรอยู่อย่างไม่มีอคติ เช่น การที่เรา สามารถตระหนักรู้ว่า “ตอนนี้ตนกําลังหงุดหงิดอยู่” เมื่อรู้สึกหงุดหงิด เมื่อ คนเรารู้และเข้าใจว่าตนกําลังรู้สึกอย่างไรอยู่ เราก็จะสามารถหาทาง ควบคุมความรู้สึกนั้นโดยไม่ปล่อยให้ตนเองทําอะไรตามอารมณ์ได้

การตระหนักรู้ถึงกระบวนการรู้คิดของตนเองนั้นเป็นวิธีที่มี ประสิทธิภาพเนื่องจากทําให้คนเราได้ตั้งสติ แล้วถอยหลังออกมามองดู ตนเองจากมุมมองของคนนอก การกระทํานี้เรียกว่า “การถอยห่างจาก ตนเอง” เช่น ตอนที่เราทะเลาะกับผู้อื่นและกําลังโมโห “การถอยห่างจาก ตนเอง” ก็คือการจินตนาการว่าเรากําลังมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากข้าง นอกห้อง เมื่อทําเช่นนี้แล้ว คนเราจะสามารถมองเห็นสภาพการณ์ต่าง ๆ ได้ อย่างเป็นกลาง และจะค่อย ๆ รู้สึกใจเย็นลง

เวลาที่คนเรากําลังโมโหนั้น เรามักจะมีอคติ ยึดมั่นว่า “ตนเป็นคน ถูก” “อีกฝ่ายเป็นคนผิด” แต่ที่จริงแล้วต่างฝ่ายต่างก็มีมุมมองของตนเอง ไม่มีฝ่ายไหนที่ผิดทั้งหมดเพียงฝ่ายเดียว เมื่อคนเรา “ถอยห่างจากตนเอง” แล้วพิจารณาถึงแนวคิดของทั้งสองฝ่ายอย่างมีสติ เราก็จะสามารถหาทาง ควบคุมอารมณ์ และรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างมีสติในที่สุด

วิธีการถอยห่างจากตนเองที่มีประสิทธิภาพอย่างหนึ่ง คือ การ เขียนเรื่องราวที่เราโมโห หรือบรรยายความรู้สึกลงในกระดาษ คนเราจําเป็น ต้องมองสภาพการณ์ต่าง ๆ อย่างเป็นกลางก่อนจึงจะลงมือเขียนได้ การ เขียนบรรยายความรู้สึกว่าตนโมโห หรือ รู้สึกว่ายอมไม่ได้นั้น ก็เป็นเหมือน การมองกลับมายังตนเอง เท่ากับว่าเราสามารถ “ตระหนักรู้ถึง กระบวนการรู้คิดของตนเอง” ได้ ส่งผลให้เราสามารถควบคุมการกระทํา และวาจาในเชิงลบได้


“MINDFULNESS” และ “MIND WANDERING”

ระยะหลังมานี้ มีผู้ใช้คําว่า “MINDFULNESS” มากขึ้น คํานี้ หมายถึงการละจากความคิดอันวุ่นวาย และทําจิตใจให้สงบด้วย การทําสมาธิแบบต่าง ๆ เป็นที่รู้กันว่าสตีฟ จ๊อบส์เดินทางไป กลับเกียวโตบ่อยครั้งเพื่อฝึกสมาธิที่ศูนย์ศึกษาวิถีแห่งเซน ที่ จริงแล้ว มีผู้นําองค์กรจํานวนมากที่ฝึกฝนตนเพื่อเข้าสู่ภาวะ MINDFULNESS อยู่ครับ

ภาวะที่ตรงกันข้ามกับ “MINDFULNESS” นั้นเรียกว่าภาวะ “MIND WANDERING” กล่าวคื อ ภาวะที่คนเราเอาใจไปคิดถึง เรื่องอื่น ๆ อย่างหลากหลายทั้งที่พยายามจะจดจ่อกับสิ่งหนึ่ง คุณเคยเป็นแบบนี้ไหมครับ อยู่ดีดีก็นึกถึงความผิดพลาดใน อดีต หรือฉุกคิดถึงปัญหาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่นทั้ง ๆ ที่อยากจะลืมมันไป หากเกิดสภาวะแบบนี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนเราจะรู้สึกเครียด หรืออาจเป็นโรคซึมเศร้าได้ในกรณีที่เครียดมาก ๆ

การฝึกตนให้รู้จักละความคิดอันวุ่นวายเช่นนี้ เป็นสิ่งที่จําเป็นสําหรับผู้เป็นหัวหน้างานที่ต้องทํางานอย่างมีสมาธิ และ ต้องใช้ความสามารถในการตัดสินใจ การฝึกฝนที่ว่าก็คือ การทําสมาธิแบบต่าง ๆ แล้วจดจ่อกับบางสิ่งแม้จะใช้เวลาสั้น ๆ ก็ตาม การกระทําข้างต้นเป็นการพักสมองรูปแบบหนึ่ง ส่งผลให้ระดับความเครียดลดลงได้

อีกวิธีท่ีได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลมากก็คือการ “คิดหวังให้ใครสักคนมีความสุข” ระหว่างท่ีกําลังทําสมาธิ เวลาที่ คนเราโมโห เรามักจะใช้อารมณ์ ทําตามใจตนเอง ในทางกลับกัน การลองคิดหวังให้บุคคลที่อยู่ในความคิดของเรามีความสุข เช่นครอบครัว หรือ เพื่อนร่วมงานนั้นเป็นการเติมเต็มช่องว่างในจิตใจของตัวเราเองด้วย เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่สามารถรู้สึก ยินดีกับความสุขของผู้อื่น

ประเด็นสุดท้ายที่ดิฉันอยากให้ทุกท่านระมัดระวังก็คือ ผลกระทบของสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ที่มีต่อลักษณะการ บริหารจัดการตนเอง ตอนที่เราใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ เราจะมีสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อคนเราไม่ค่อยแสดงสีหน้า สมองจะตีความไป เองว่า “คน ๆ นั้นกําลังเครียด” บางคนเคยกล่าวไว้ว่า “คนเราไม่ได้ร้องไห้เพราะรู้สึกเศร้า แต่รู้สึกเศร้าเพราะร้องไห้ต่างหาก” จะ เห็นได้ว่าสภาพร่างกายนั้นส่งผลกระทบต่อสภาพจิตของมนุษย์เราเป็นอย่างยิ่ง ว่ากันว่าระดับความเครียดของคนเราเพิ่มสูง ขึ้นเป็นพิเศษตอนที่ใช้สมาร์ทโฟนเพราะท่าทางการใช้งานไม่เหมาะสม และคนเราหายใจส้ันลง

ในทางกลับกัน ตอนที่มองหน้าและพูดคุยกับผู้อื่นโดยตรง มนุษย์เราจะพูดคุยและมีสีหน้าหลากหลาย สิ่งนี้สะท้อนให้ เห็นถึงความสําคัญของการพบปะพูดคุยกับผู้อื่น ไม่ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปเพียงใดก็ตาม แต่ความสําคัญของการพบปะและ พูดคุยโดยตรงก็ไม่เคยลดลง อาจจะเป็นเพราะสาเหตุข้างต้นก็ได้นะครับ

มุมพูดคุยกับทีม Asian Identity

อยากให้ทีม Asian Identity แนะนําหนังสื อ อ่านที่น่าสนใจสําหรับผู้ที่ทํางานด้านการ บริหารจัดการหน่อยครับ (7)
The Alliance: Managing Talent in the Networked Age
by Reid Hoffman

Reid Hoffman ผู้เขี ยนหนังสือเล่มนี้เป็นผู้ ก่อตั้ง LinkedIn (Social Networking Service ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ออกแบบ ขึ้นเป็นพิเศษสําหรับองค์กรธุรกิจ)

คําว่า Alliance (พันธมิตร) หมายถึง ความ ร่วมมือ (Partnership) ระหว่างบริษัท และ บุคคลากร โดยเป็นความร่วมมือที่วางอยู่ บนรากฐานของความเท่าเทียม และความ เชื่อถือซึ่งกันและกัน องค์กรให้โอกาสแก่ บุคคลากร ส่วนบุคคลากรก็ใช้ความ สามารถที่มีเพื่อองค์กร ส่งผลให้ธุรกิจของ องค์กรเกิดความแข็งแกร่ง ส่วนบุคลากรก็ มีอาชีพการงาน

เราเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร และ บุคลากร นั้นคือความร่วมมือ (Partnership) ที่วางอยู่บนรากฐานแห่ง ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ไม่มีใครอยู่ใต้อํานาจ ใคร และความร่วมมือนี้ก็จะยังคงดําเนินต่อ ไปแม้บุคลากรจะลาออกจากองค์กรแล้ว ก็ตาม หากคุณต้องการทําความเข้าใจ ลักษณะการว่าจ้างบุคลากรในองค์กรของ ตนเอง จึงอยากให้ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ มาศึกษาดูค่ะ

แนะนํา AI College เวิร์คชอบเปิดในสิงหาและกันยานี้

HR COLLEGE (ติวเข้มคน HR) หลักสูตร A การสรรหาและพัฒนาพนักงาน ในองค์กร
อบรมวันศุกร์และเสาร์ที่ 21-22 กันยายน 2561 (คอร์สสองวันต่อเนื่อง) ค่าอบรม THB 12,000

คอร์สนี้เปิดบรรยายสองภาษา คือ ภาษาไทยและภาษาญี่ปุ่น โดยล่ามไทย-ญี่ปุ่นมืออาชีพ

งานด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล (HR) ได้เข้ามามีบทบาทกลายเป็นส่วนหนึ่ งให้ ผู้นําองค์กรใช้ในการวางกลยุทธ์เพื่อการ เติบโตและการพัฒนาขององค์กร แต่ในประเทศไทยนั้นหลักสูตรที่เปิดโอกาสในการพัฒนาและยกระดับทักษะความรู้ของงาน ด้านทรัพยากรบุคคลโดยเนื้อหาครอบคลุมยังมีไม่มากนัก

ในหลักสูตรนี้ ท่านจะได้พบกับที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่นที่จะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และถกปัญหาด้าน ทรัพยากรบุคคล รวมถึงการให้ความรู้ และเทคนิคที่จําเป็น เพื่อเป็นกําลังสําคัญในการพัฒนาองค์กรให้กับผู้เข้าร่วมทุกท่าน

 

[content_block id=1898 title=yes title_tag=h3]