HOME > Articles > เส้นทางจากนักศึกษาฝึกงานสู่ที่ปรึกษา (Associate Consultant) ตอนที่ 1
HR Blog

เส้นทางจากนักศึกษาฝึกงานสู่ที่ปรึกษา (Associate Consultant) ตอนที่ 1

28 ก.ย..2022

ชีวิตคือการเรียนรู้ การออกจากรั้วสถานศึกษาไม่ได้หมายความว่าการเรียนรู้จะหยุดลง

สวัสดีค่ะ “ภัท” จากเอเชี่ยนไอเดนติตี้ค่ะ ภัทเคยเป็นนักศึกษาฝึกงานกับทางเอไอเมื่อปี 2021 มาก่อน และมีโอกาสไปเปิดประสบการณ์การทำงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกากับโปรแกรม Work and Travel เมื่อต้นปี 2022 และปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของบริษัทเอเชี่ยนไอเดนติตี้ค่ะ วันนี้ภัทอยากจะมาแบ่งปันข้อคิดที่ได้เรียนรู้ระหว่างหลังจากจบการฝึกงานจนถึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกเอไออีกครั้งค่ะ

 

“เราเติบโตขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นในทุกจังหวะชีวิต”

การเข้าร่วมโครงการ Work and Travel ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาหลังจบการศึกษาเป็นอีกครั้งที่จังหวะชีวิตเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ความแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรม ภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ การเปลี่ยนแปลงฉับพลันสร้างความสับสนและความตื่นตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว ความรู้และแนวคิดที่สั่งสมมาจากรั้วมหาวิทยาลัยและการฝึกงานถูกนำออกมาประยุกต์และปรับใช้ให้เข้าบริบทสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเร่งด่วนเพื่อปรับตัวให้เข้ากับบริบทให้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขณะนั้น

 

“เพราะเข้าใจความต่าง จึงทำให้เรากลมกลืน”

หนึ่งในสิ่งที่ช่วยให้ผ่านช่วงเวลานั้นมาอย่างราบรื่นคือ “ความเข้าใจในความแตกต่าง” เพราะความเข้าใจเราจึงปรับตัวได้ง่าย ความเข้าใจจะช่วยให้เราไม่ตั้งคำถามว่าทำไมเขาถึงไม่ทำแบบนี้ แต่เราจะพยายามทำความเข้าใจมากขึ้น ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นและเราควรจะทำแบบไหนจึงจะสานสัมพันธ์ที่ดีและปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วงได้ เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแบบเขา เพียงแค่เราปรับตัวเองนิดหน่อย อาจจะสักห้าถึงสิบเปอร์เซ็นต์ เราก็อาจจะพบกับตัวเราในรูปแบบใหม่ที่เราไม่เคยคิดมาก่อน ซึ่งอาจทำให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นและมีความสุขกว่าที่เราคิด หรือเราอาจได้เรียนรู้มุมมองใหม่ที่เราไม่เคยนึกถึงมาก่อนก็ได้

 

“การมองด้วยมุมมองปัจเจกสู่การคิดแบบมุมมองภายนอก”

ในการทำงาน แม้ว่างานที่อยู่ในความรับผิดชอบของเรา แต่เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเองทั้งหมด เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในการทำงาน การคิดถึงผลประโยชน์ขององค์กรเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่เราต้องนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจในการทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับในฐานะพนักงานตามฤดูกาล (seasonal employee) ที่ถือสถานะนักเรียนตามประเภทวีซ่า (J1) ในมุมมองของนายจ้างหรือหัวหน้างาน เราคือลูกจ้างคนหนึ่งของเขา และเขาคาดหวังให้เราสามารถทำงานให้เขาได้อย่างมืออาชีพ เหมือนลูกจ้างทั่วไป หรือเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่ง

เมื่อเราพบเจอปัญหาภายในองค์กร สิ่งที่เราทำได้คือ ทบทวนว่าปัญหานั้นเป็นปัญหาประเภทใด ปัญหาที่ตัวงาน ปัญหาจากระบบ ปัญหาจากตัวเราเอง หรืออื่น ๆ จากนั้นย้อนดูขอบเขตงานของตน ว่าปัญหานั้นอยู่ในขอบเขตงานของตนมากน้อยเพียงไร และมีฝ่ายงานอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ หากมีความเกี่ยวข้อง เราก็ควรประสานงานเพื่อขอความช่วยเหลือหรือขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหานั้นด้วยกัน แต่ถ้าปัญหานั้นส่งผลกระทบถึงหลายฝ่าย อยู่นอกเหนือขอบเขตงานของเรา และอาจส่งผลกระทบถึงตัวโครงสร้างบริษัท เราควรที่จะแจ้งปัญหาดังกล่าวไปที่ผู้บังคับบัญชาในการรายงานปัญหาสู่เบื้องบนเพื่อหาวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมต่อไป

ในกรณีที่ปัญหาเป็นปัญหาระดับเล็ก เราสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง สิ่งที่เราสมควรจะทำคือการรายงานปัญหานั้นต่อหัวหน้างานของเรา พร้อมเสนอวิธีแก้ไขที่ตนสามารถคิดว่าจะเป็นผลดีต่อตนและบริษัทในเชิงพัฒนาคุณภาพงาน สิ่งนี้แสดงถึงความกระตือรือร้นในการทำงาน และความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองและคุณภาพงาน เพราะการคิดวิเคราะห์หาวิธีแก้ไขปัญหาด้วยตนเองจะช่วยให้คุณได้ศึกษาและคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับปัญหานั้น ๆ  ฝึกการมองและคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาจากหลาย ๆ แง่มุมเพื่อหาทางเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเมื่อคุณนำไปปรึกษากับหัวหน้างาน คุณจะได้รับคำแนะนำและผลสะท้อนกลับ(feedback) ในมุมมองอื่นที่(อาจ)จะช่วยพัฒนาแผนงานการแก้ไขปัญหาให้ดียิ่งขึ้นไปอีกระดับ และเมื่อปัญหาได้รับการแก้ไขและพัฒนา ก็จะเกิดประโยชน์ต่อทั้งตัวองค์กรและตัวคุณ เพราะประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพของงานที่เพิ่มขึ้นโดยที่คุณเองก็สามารถทำงานได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน

การคิดแก้ไขปัญหาจากมุมมองภายนอก คือ การมองหาผลกระทบของปัญหาว่ามันส่งผลกระทบถึงใคร อย่างไร วิธีแก้ไขปัญหาใดจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม และส่งผลดีต่อทั้งตัวเราและตัวบริษัท เช่น เราและพนักงานอื่น ๆ ทำงานได้ง่ายขึ้น คุณภาพของงานเพิ่มมากขึ้น ลดภาระและความยุ่งยากในการปฏิบัติงาน และ/หรือ สามารถทำงานได้ในปริมาณมากขึ้นในเวลาที่น้อยลงหรือใกล้เคียงเดิม กล่าวได้ว่า เราจะมองปัญหานั้นอย่างไรโดยที่เราไม่ได้ใช้อคติในฐานะลูกจ้างอย่างเดียว แต่เราจะต้องลองมองปัญหานั้นด้วยสายตาในฐานะผู้ประกอบการ หรือบริษัท ว่าปัญหานั้นมีต้นเหตุมาจากสิ่งใด ทางบริษัทสามารถจัดการปัญหานั้นได้โดยวิธีใดบ้าง และมีการกระทำใดบ้างที่เราในฐานะลูกจ้างสามารถให้ความร่วมมือและเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาได้โดยไม่เป็นการผลักภาระไปให้องค์กรทั้งหมด

เส้นทางของภัทยังไม่จบ รอติดตามได้ในบทความถัดไปนะคะ

>>คลิกเพื่ออ่านตอนที่ 2<<

 

ภัทยังมีบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีก สามารถติดตามได้ที่นี่เลยค่ะ : ประสบการณ์การฝึกงานระยะไกล (Remote internship)

 

Credit: Photo by Dino Reichmuth from Unsplash

 

[content_block id=1898]