HR Blog
Hybrid Working การเตรียมความพร้อมของ HR กับการทำงานรูปแบบใหม่ ในยุคปัจจุบัน
04 มี.ค..2022จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน และมีผลต่อการทำงานที่เปลี่ยนรูปแบบไป ซึ่งคาดการณ์กันว่า สถานการณ์นี้จะยังคงอยู่กับคนทำงานต่อไปอีกหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทรนด์การทำงานก็เปลี่ยนไปสู่รูปแบบ Hybrid Working กันมากขึ้น ซึ่งกำลังได้รับการตอบรับที่ดีจากคนทำงานทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศในทุก ๆ ธุรกิจ
HR ในฐานะแผนกที่มีหน้าที่หลักในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดให้ Hybrid Working นั้นมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประสิทธิผลของการทำงานไม่แตกต่างจากการนั่งทำงานในสำนักงาน อย่างไรก็ดี การจัดให้พนักงานสามารถเลือกทำงานได้จากที่ใดก็ได้ และมีวัตถุประสงค์ให้เกิดอิสระในการทำงาน รวมถึงมีผลิตผลของงาน อย่างเป็นรูปธรรม HR ควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
1. ให้พนักงานมีอิสระ ในการเลือกสถานที่ทำงาน Freedom Working Venue
พนักงานสามารถเลือกสถานที่ทำงาน ตามที่ปรารถนา และสะดวกได้อาทิ Hot desk ที่เป็นโต๊ะทำงานส่วนกลางโดย ทางบริษัทเป็นผู้จัดหา ห้อง common room, co-working space, hotel lounge, business center หรือแม้กระทั่ง ในสถานที่พัก ของพนักงานเอง ทุก ๆ ที่สามารถเป็นที่ทำงานของพนักงานแต่ละคนได้ โดยคำนึงถึงสุขอนามัยของสถานที่นั้น ๆ เป็นสำคัญ HR สามารถนำเสนอทางเลือกสถานที่ทำงานให้แก่พนักงานของตนได้ เพื่อเป็น Options และสามารถหมุนเวียนปรับเปลี่ยนไปได้ตามความประสงค์
2. นโยบายด้าน Flexible Working Policy
HR ยังคงจำเป็นต้องมีนโยบายการทำงานที่สอดคล้องกับรูปแบบการทำงาน และสามารถตรวจสอบ วัดผลการทำงานของพนักงานแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะอยู่ต่างสถานที่ทำงานกัน ตัววัดที่นิยมมาใช้คือ การวัดผลิตผลของงาน (Productivity) ทั้งแบบส่วนบุคคล แบบทีม และการจัดระบบการเข้าทำงานในสำนักงาน และทำงานที่ใดก็ได้ แบบมีวันกำหนดอย่างชัดเจน ซึ่งสามารถนำมาใช้กำหนดเป็นนโยบายได้เช่นกัน
3. การสร้างสำนักงานย่อย Satellite Office
หรืออาจเรียกได้ว่า เป็นสำนักงานเสมือนจริง ผ่านระบบแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งเป็นแพลตฟอร์มสำเร็จรูป หรือเป็นแพลตฟอร์มของบริษัทเอง การสร้างสำนักงานย่อยสามารถนำไปสู่โอกาสทางธุรกิจเพิ่มได้ด้วย เมื่อลูกค้าสามารถติดต่อผ่านคนในองค์กรได้ตลอดเวลา ในขณะเดียวกัน พนักงานเองสามารถประหยัดค่าเดินทางไปได้มาก ทั้งนี้ HR ควรจัดให้มี Insight Data เพื่อฐานข้อมูลเดียวกันในการปฏิบัติงาน
4. กิจกรรมออนไลน์ของพนักงาน Online Employee Activity
การจัดให้มีกิจกรรมเสริม หลังการทำงาน ในรูปแบบออนไลน์ จะช่วยให้พนักงานยังคงมีการสานสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง แม้อยู่ต่างสถานที่ปฏิบัติงาน อาทิ คลาสแอโรบิคออนไลน์ กิจกรรมร้องเพลง ชมภาพยนต์ออนไลน์ ห้องเกมส์ออนไลน์ การท่องเที่ยวเสมือนจริง เป็นต้น โดยแบ่งไปตามความชอบของพนักงานแต่ละคน เพื่อผ่อนคลายภายหลังจากการทำงานในแต่ละวัน
หากท่านผู้อ่านได้นำไปศึกษา และปรับเปลี่ยนรูปแบบ Hybrid Working ให้เกิดขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม ย่อมส่งผลให้เกิดผลิตผลของงานได้เช่นเดียวกันกับการปฏิบัติงานร่วมกันในเวลาเดียวกัน ในสำนักงาน อีกทั้งยังเป็นการลดการแพร่กระจายของเชื้อ COVID-19 ได้อีกด้วย นับเป็น New Normal ของการทำงาน และสร้าง Employee Experience ให้เกิดขึ้นแก่พนักงานทุกคนในองค์กร
Photo from CBRE Global
Credit: Featured image by Christin Hume from Unsplash
> Subscribe เพื่อติดตามข่าวสารน่าสนใจ และบทความแนะนำที่คนทำงานไม่ควรพลาด:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/subscribe
> ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือคุยกับที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/contact
[content_block id=1898]
