HR Blog
เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านเองเมื่อเห็นหัวข้อของบทความนี้แล้วคงจะเกิดความรู้สึกขัดแย้งในใจเมื่อเราได้เห็นคำว่า “การเรียนรู้” มาคู่กับคำว่า “เกม” ที่ดูแล้วราวกับอยู่ขั้วตรงข้ามของกันและกัน ไปด้วยกันได้ยาก แต่มันคงจะดีกว่าถ้าเราได้ลองจินตนาการว่า การฝึกอบรมพนักงานภายในองค์กรของเราจะสนุกเหมือนกับการเล่นเกมกระดาน (Boardgame) ได้ฝึกฝนพัฒนาทักษะของตนเองด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่ และสนุกนานราวกับได้ผจญภัย แทนการนั่งฟังบรรยายที่น่าเบื่อเพียงอย่างเดียว ดังนั้นแนวคิดของ “การเรียนรู้ผ่านเกม (Game-Based Learning หรือ GBL)” จึงกลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในแวดวงของการพัฒนาบุคลากรและองค์กร แต่ก่อนที่คุณจะนึกภาพที่พนักงานในองค์กรของเรากำลังนั่งเล่นเกมเศรษฐี ผมอยากจะลองพาทุกท่านมาทำความเข้าใจก่อนว่า GBL คืออะไร มันมีความแตกต่างจากการใช้ “เทคนิคในรูปแบบของเกมโดยไม่ใช้ตัวเกมเพื่อสร้างแรงจูงใจ (Gamification)” อย่างไร ทำไมเกมจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการเรียนรู้ของบุคลากรในยุคนี้ไปได้

“การเรียนรู้ผ่านเกม (Game-Based Learning)” คือ การใช้เกมจริง ๆ เป็นสื่อในการเรียนรู้ พนักงานไม่ได้แค่เล่นตามกติกา แต่จะเรียนรู้ผ่านสถานการณ์จำลอง ปริศนา และความท้าทายที่ช่วยพัฒนาทักษะต่าง ๆ แทนการนั่งฟังและท่องจำทฤษฎี ผู้เรียนจะสามารถเข้าไปมีบทบาทในเกมที่ต้องตัดสินใจ รับผลกระทบ และปรับกลยุทธ์ของตนเองให้ดีขึ้น ซึ่งจะมีความแตกต่างจากสิ่งที่หลายคนมักจะจำสับสนปนเปกันอย่าง “Gamification” ที่เป็นเพียงการนำองค์ประกอบของเกม เช่น เหรียญตรา กระดานคะแนน หรือระบบสะสมแต้ม เข้ามาประยุกต์ใช้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่เกม เช่น ระบบบริหารผลงาน (Performance Management System) และระบบสวัสดิการแบบยืดหยุ่น (Flexible Benefits) เป็นต้น กล่าวคือจะมีลักษณะคล้ายกับการให้รางวัล (Reward) เมื่อทำภารกิจ (Mission) หรือเป้าหมาย (Goal) สำเร็จ

สิ่งที่ทำให้การเรียนรู้ผ่านเกมเริ่มเป็นที่นิยมขึ้นมานั้นไม่ใช่เพียงแค่เพราะเหตุผลด้านความสนุก แต่ยังมีสาเหตุเรื่องประสิทธิภาพของการฝึกอบรมเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย จากงานวิจัยของ Edgar Dale’s Cone of Experience (1969) และ National Training Laboratories (NTL) ระบุว่าอัตราการคงอยู่ของความรู้ (Retention Rate) จะสูงขึ้นถึง 75% เมื่อผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้แบบลงมือทำ (Experiential Learning) และในกรณีของการเรียนรู้ผ่านเกม โดยเฉพาะเกมกระดาน ผู้เรียนมีโอกาสได้ ทดลอง ตัดสินใจ และเห็นผลลัพธ์ของการกระทำในทันที สิ่งนี้ช่วยให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างทฤษฎีกับสถานการณ์จริง และทำให้ความรู้ที่ได้รับฝังลึกลงไปในความทรงจำ ตัวอย่างเช่น Plass, Homer & Kinzer (2015) พบว่าเกมที่มีปฏิสัมพันธ์สูงช่วยเสริมสร้าง การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) และการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ (Creative Problem-Solving Skills) ดังนั้นเมื่อองค์กรนำเกมมาใช้ในการฝึกอบรม เช่น เกมวางแผนกลยุทธ์ หรือเกมสร้างทีม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ พนักงานสามารถเรียนรู้จากการลงมือทำจริงโดยไม่มีความเสี่ยง ซึ่งต่างจากการเรียนรู้แบบท่องจำที่มักถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้การเรียนรู้ผ่านเกมยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการเรียนรู้ได้อย่างหลากหลายตามความเหมาะสม เช่น รูปแบบเกมจำลองสถานการณ์ (Simulations) ซึ่งได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมการเงินและการผลิตเพื่อฝึกทักษะการประเมินความเสี่ยงและการตัดสินใจ หรือรูปแบบเกมสวมบทบาทสมมติ (Role-Playing Games – RPGs) ที่เหมาะสำหรับใช้ในการฝึกฝนทักษะการสื่อสารและการเจรจาต่อรอง เป็นต้น ส่งผลให้ผู้เรียนสามารถสัมผัสประสบการณ์ได้ลึกยิ่งขึ้น และฝึกฝนขัดเกลาทักษะได้ใกล้เคียงกับหน้างานที่ตนเองต้องปฏิบัติจริงมากขึ้น

ดังนั้นแล้วการเรียนรู้ผ่านเกม ไม่ว่าจะเป็นเกมกระดาน การจำลองสถานการณ์ หรือเกมแอปพลิเคชันมือถือ จึงเรียกได้ว่าเป็นแนวทางที่มีความสนุกสนาน ช่วยเสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล แต่ยังคงไว้ซึ่งองค์ความรู้จากการสัมผัสประสบการณ์ที่จับต้องได้ ทั้งนี้การเรียนรู้รูปแบบนี้ไม่ได้จะไม่ได้มาแทนที่การฝึกอบรมแบบดั้งเดิมแต่อย่างใด แต่บทบาทของวิธีการเรียนรู้ผ่านเกมนี้กลับกลายเป็นกุญแจสำคัญหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้พุ่งสูงมากยิ่งขึ้นไปอีก ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คุณจะนำพาพนักงานของคุณมาเดินหมากบนกระดานกัน !?
Credit
by Prostock-Studio from Getty Images
15 พ.ค., 2020
HR Blog เทคนิคการรับมือกับคำวิพากษ์วิจารณ์ (Negative Feedback)
31 ส.ค., 2021
HR Blog ประโยชน์ของ Breakout Room ในการประชุมออนไลน์
04 มิ.ย., 2023
HR Blog เหยียบเบรกไปพักก่อนร่างกายและจิตใจเบิร์นเอาท์ (Burn-out)