HOME > Articles > ควรเตรียมตัวอย่างไร เมื่อต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ
HR Blog

ควรเตรียมตัวอย่างไร เมื่อต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ

09 ก.ค..2020

ตอนนี้สถานการณ์ Covid-19 ในประเทศไทยเริ่มดีขึ้น ทำให้มีการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ จนแทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว ทำให้บริษัทส่วนใหญ่ยกเลิกนโยบายการทำงานจากที่บ้าน (Working from Home – WFH) แล้วให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิม เท่าที่ผู้เขียนทราบบางบริษัทก็ยังคงนโยบาย WFH ไว้บางส่วน หรืออาจจะมีการให้สลับทีมกันมาทำงานที่ออฟฟิศ วันเว้นวัน เป็นต้น

สำหรับท่านผู้อ่านบางท่านก็คงดีใจที่ได้กลับมาทำงานที่ออฟฟิศ เพราะได้เจอเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่ทำงาน หรืออาจจะเบื่อ หงุดหงิด ไม่มีสมาธิ เวลาที่ต้องทำงานจากที่บ้าน แต่ผู้เขียนเชื่อว่า มีอีกหลาย ๆ ท่านเหมือนกันที่เสียดายการได้ทำงานจากที่บ้าน และยังปรับตัวไม่ได้ ที่ต้องเปลี่ยนสไตล์การทำงานกลับมาทำที่ออฟฟิศ (รวมถึงตัวผู้เขียนเองด้วย)

ไม่ใช่ว่า ไม่อยากจะมาเจอเพื่อน ๆ ที่ทำงาน แต่เป็นเพราะว่า เสียดายเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางจากที่บ้านมาที่ออฟฟิศ (การจราจรกลับมาติดขัดเป็นปกติแล้ว อย่างรวดเร็ว!!) หรืออาจจะยังมีบางท่านที่ยังกลัวการใช้รถสาธารณะ เพราะการระบาดของ Covid-19 ที่ยังไม่ได้หมดไปร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือแม้แต่บางท่านที่เริ่มคุ้นชิน และปรับสไตล์การทำงานให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของการทำงานจากที่บ้านได้แล้ว โดยเฉพาะท่านที่บ้านมีสมาชิกค่อนข้างน้อย หรือมีพื้นที่ส่วนตัว เงียบสงบสำหรับการทำงานที่บ้าน พอมาเจอออฟฟิศที่มีคนพลุกพล่าน มีเสียงคุยกัน จึงทำให้อาจจะยังไม่สามารถปรับตัวได้

คนเราพอต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงาน ก็อาจจะทำให้สมองและร่างกายของเราจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัวจากความคุ้นเคยเหล่านั้น ซึ่งอาจจะส่งผลต่ออารมณ์และประสิทธิภาพในการทำงานค่ะ

วันนี้ผู้เขียนจึงมี Checklist เบื้องต้น สำหรับการเตรียมตัวหรือปรับตัวให้พร้อมที่จะกลับไปทำงานที่ออฟฟิศมาฝากดังนี้ค่ะ

1. ตรวจสอบระดับความกังวลใจของตนเอง

หมั่นตรวจสอบระดับความกังวลใจของตนเองอยู่เสมอ และหากรู้สึกว่า มีความกังวลใจที่จะกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิม เช่น นอนไม่หลับ การกดความกังวลใจไว้อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพในระยะยาวได้ เพราะฉะนั้นอย่าพยายามซ่อนหรือคิดว่าตนเองไม่เป็นไร แล้วปล่อยผ่านไปนะคะ

2. บอกเล่าถึงความรู้สึกของตนเอง

ให้คุณผู้อ่านลองหาใครซักคนที่รู้สึกสบายใจที่จะบอกกล่าวถึงความรู้สึก หรือความกังวลใจต่าง ๆ เพื่อเป็นการระบาย และปรึกษาเพื่อหาทางแก้ไขเกี่ยวกับปัญหาเหล่านั้น ในแง่ของบริษัทนั้น บริษัทที่ดีควรส่งเสริมวัฒนธรรมในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย (Psychological Safety) เพื่อเอื้อต่อการบอกกล่าวถึงความกังวลใจให้กับคนในทีมหรือหัวหน้างานฟัง ซึ่งจะช่วยให้สามารถหาทางแก้ไขปัญหา และส่งเสริมให้ผลงานของทีมดีขึ้นอีกด้วยค่ะ

3. สังเกตสิ่งที่เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือเรื่องดี ๆ ในแต่ละวัน

เหมือนทุก ๆ การเปลี่ยนแปลง หรือการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ในตอนแรก ๆ เราก็จะรู้สึกไม่มั่นคง หรือเศร้ากับการเปลี่ยนแปลงนั้น แต่ในทุก ๆ การเปลี่ยนแปลง ก็จะมีโอกาส หรือสิ่งดี ๆ ซ่อนอยู่เสมอ เพียงแค่เราสังเกตสิ่งเหล่านั้น เหมือนสุภาษิตของภาษาอังกฤษที่ว่า ‘Every cloud has a silver lining’ — ในเรื่องหรือสถานการณ์ที่เลวร้าย มักจะมีสิ่งดี ๆ ซ่อนอยู่เสมอ

——————-

> Subscribe เพื่อติดตามข่าวสารน่าสนใจ และบทความแนะนำที่คนทำงานไม่ควรพลาด:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/subscribe

> ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือคุยกับที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล:
https://asian-identity.com/hr-egg-th/contact

 

Credit: Photo by  Scott Webb from Pexels

 

[content_block id=1898 title=yes title_tag=h3]