HOME > Articles > AI NEWSLETTER Vol.3 การทําให้ทุกคนมองเห็นเป็นภาพเดียวกัน – APRIL , 2017
Newsletter

AI NEWSLETTER Vol.3 การทําให้ทุกคนมองเห็นเป็นภาพเดียวกัน – APRIL , 2017

24 ก.ค..2019

สวัสดีวันสงกรานต์ค่ะ ท่านผู้อ่านได้ไปเที่ยวพักผ่อน หรือกลับบ้านไปหาครอบครัวที่ไหนมากันบ้างคะ จดหมายข่าว เอเชียน ไอเดนติตี้ ฉบับนี้ เป็นฉบับที่สามแล้วค่ะ จากฉบับที่แล้วที่เราได้ชวนท่านผู้อ่านเข้ามาคิดร่วมกันเกี่ยวกับ “บทบาทของผู้นํา” มาถึงฉบับนี้ เราก็ขอต่อ ยอดความ คิดไปที่การสร้างทีมให้ทุกคนมีใจรวมกันเป็นหนึ่งเดียว จะทําอย่างไรให้ทุกคนมองเห็นภาพเป้าหมายของทีมด้วยกันได้บ้าง อยากให้ทุกท่านได้ อ่าน และคิดกลับไปทบทวนถึงทีมของเรา และถกปัญหาไปด้วยกันนะคะ

การทําให้ทุกคนมองเห็นเป็นภาพเดียวกัน


วิธีการทําให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันที่ได้จากพิธีปิดงานโอลิมปิก 2016
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกได้จบลงไปแล้ว ครั้งนี้มีประเทศไทยได้เหรียญทองจากกีฬายกนํ้าหนัก ประเทศเวียดนามได้เหรียญทองเป็นครั้งแรกใน ประวัติศาสตร์ คงกล่าวได้ว่าเป็นโอลิมปิกครั้งที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศต่างๆในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เลยที เดียว

และที่เป็นที่กล่าวขานกันมากกว่านั้นคือ คลิปวีดีโอ PR เกี่ยวกับโตเกียวในพิธีปิดการแข่งขัน ซึ่งนอกจากจะมีโดเรมอนและกัปตันซึบาสะโผล่มา ในคลิปแล้ว นายกฯอาเบะของญี่ปุ่นยังได้แปลงเป็นซุปเปอร์มาริโอและปรากฏตัวออกมากลางสนาม สร้างความฮือฮาเป็นที่กล่าวขวัญกันมาก

วันรุ่งขึ้น พนักงานและเพื่อนคนไทยต่างพูดกันว่า ‘การ PR ของญี่ปุ่นทําได้ดีมากๆ! อยากได้ดูโอลิมปิกที่โตเกียวเลย!’ ผมในฐานะคนญี่ปุ่นรู้สึก ดีใจเป็นอย่างมาก ซึ่งการที่ได้ ‘มีประสบการณ์ร่วม’ นี้มีผลทําให้เกิดความรู้สึกความเป็นหนึ่งเดียวกัน ในบริษัทเองก็เช่นเดียวกัน เวลาที่เรา รวมพนักงานทุกคนให้ได้รับประสบการณ์ผ่านกิจกรรมอะไรต่างๆร่วมกันแล้ว จะช่วยทําให้ทิศทางของบริษัทเดินไปในทางเดียวกัน


ทําไม? ทั้งๆที่มองเห็นสิ่งเดียวกัน แต่การกระทําถึงออกมาตรงข้ามกัน
แต่ในบางครั้งอาจจะคิดว่าทํางานอยู่บริษัทเดียวกันอยู่แล้ว ไม่เห็นจําเป็นที่จะต้องอุตส่าห์ทํา กิจกรรมเพิ่มเติมเลย บางคนอาจจะคิดว่า ‘ปกติก็คุยกันบ่อยๆอยู่แล้ว ทําไมต้องอุตส่าห์หา เรื่องทําเพิ่มอีกด้วย’

ในความเป็นจริง มีหลายกรณีมากที่คนเราคิดว่ามองสิ่งเดียวกัน แต่จริงๆแล้วต่างคนต่าง มองเห็นและรับรู้ในสิ่งที่แตกต่างกัน ดังเช่นภาพ ‘แจกันรูบิน’ (อังกฤษ : Rubin Vase)

ถึงแม้ว่าจะมองภาพภาพเดียวกันก็ตาม บางคนอาจจะมองเห็นเป็นภาพ ‘หน้าคน’ หรือบาง คนอาจจะมองเห็นเป็น ‘แจกัน’ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวิธีการรับสารของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ไป และสิ่งเหล่านี้เองก็เกิดขึ้นได้บ่อยๆในองค์กรเช่นเดียวกัน

ตัวอย่างเช่นเวลาท่ีเราทํางานแล้วเกิดปัญหาข้ึนมา บางคนอาจจะคิดว่า ‘ปัญหาน้ีมีสาเหตุอยู่ที่ตัวลูกค้า เราไม่จําเป็นต้องทําอะไร’ หรือบางคน ก็จะคิดอีกแบบว่า ‘ปัญหาน้ีเป็นปัญหาของเรา พวกเราควรที่จะต้องรับและพยายามแก้ปัญหาน้ีให้ได้’และผลจากวิธีการมองท่ีแตกต่างกัน จะ ทําให้การกระทําท่ีจะเกิดตามมานั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

นอกจากนี้คนส่วนใหญ่มักจะติดนิสัย ‘รับสารและตีความในแบบที่ตัวเองอยากให้เป็น’ ยกตัวอย่างจากกรณีข้างบน เช่น ‘ คนที่อยากปกป้อง ตัวเอง ‘ มักจะตีความว่า ‘ เป็นความผิดของลูกค้า ‘ แต่คนที่คิดว่า ‘ การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการเรียนรู้ ‘ จะคิดกลับทางว่า ‘ เราเองก็อาจจะ มีส่วนผิดเช่นเดียวกัน? ‘ เป็นต้น สิ่งต่างๆเหล่านี้จะแสดงให้เห็นถึงค่านิยมของแต่ละคน และคนก็เป็นส่วนประกอบที่มารวมกันเป็นองค์กร และ อาจสร้างให้เกิดปัญหาในองค์กรขึ้นได้ด้วย


วิธีคิดท่ีจะช่วยทําให้ ‘ทุกคนมองเห็นภาพเดียวกัน’
งานที่สําคัญอีกงานหนึ่งของคนท่ีเป็นผู้นําในองค์กรคือ การสร้างให้เกิดพลังร่วมจากการ ‘สร้างประสบการณ์ร่วมกันของคนในองค์กร’

สิ่งท่ีจําเป็นมากส่ิงหนึ่งคือการพูดคุยหารือบน ‘ข้อเท็จจริง (fact)’ เวลาที่เกิดปัญหาไม่ควร ที่จะจับประเด็นที่ ‘ใคร? ใครทํา? ใครเป็นสาเหตุ?’ แต่ควรจับประเด็นที่ข้อเท็จจริง (fact) และ พยานหลักฐาน (evidence) ว่า ‘ใคร? ทําอะไร? ที่ไหน? เมื่อไหร่?’ ซึ่งอยากขอยํ้าอีกครั้งว่า คนส่วนใหญ่มักจะติดนิสัย ‘รับสารและตีความในแบบท่ีตัวเองอยากให้เป็น’ บางคร้ังคนเรา ถึงแม้จะรู้อยู่ในใจแต่บางครั้งจิตใต้สํานึกก็ไม่อยากยอมรับ ดังนั้นคนที่เป็นผู้นําควรจะ ต้องหาพยานหลักฐาน (evidence) และมุ่งประเด็นไปที่เรื่องของ ‘ข้อเท็จจริง (fact)’

อีกสิ่งหนึ่งที่จําเป็นมากคือ ‘การลดปัญหาทางภาษาในการสื่อสาร’ ผมเองก็ทํางานใน สภาพแวดล้อมที่ต้องใช้ทั้งภาษาญี่ปุ่น ไทย อังกฤษ ซึ่งสภาพแวดล้อมการสื่อสารด้วย หลายๆภาษานี้ ทําให้การบริหารจัดการนั้นยากกว่าการบริหารทีมที่ใช้ภาษาแม่ภาษาเดียว และหลายๆประเทศในเอเซียก็คงมีสภาพแวดล้อมการทํางานหลายภาษาเช่นเดียวกัน

เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสหารือกับคนไทยและคนญี่ปุ่นในบริษัทหนึ่งถึงเรื่องการสร้าง ‘team building’ หลังจากที่ได้คุยกันไปซักพักใหญ่ๆทําให้รู้ว่าสิ่งท่ีคนไทยและคนญี่ปุ่นกําลังพูดกัน อยู่นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทางฝั่งคนไทยคิดว่าการสร้าง ‘team building’ คือการ ‘ให้ ทุกคนไปมีประสบการณ์สนุกสนานร่วมกัน โดยที่ไม่ต้องคิดเรื่องงาน’ และจะช่วยกระตุ้น สร้างให้เกิดความสามัคคีกัน แต่ทางฝั่งคนญี่ปุ่นคิดกลับกันว่าการสร้าง ‘team building’ คือการ ‘พูดคุยหารือกันอย่างจริงจัง (มากกว่าเวลางานปกติ) เพื่อที่จะสร้างให้เกิด commitment ร่วมกัน’ ซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า จากคําพูดหนึ่งคําเดียวกั นนี้ สามารถตีความไปได้หลายรูปแบบ ซึ่งในองค์กรเราเองก็มักจะเกิดความเข้าใจไม่ตรงกัน ลักษณะน้ีอยู่เสมอ


ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสําเร็จอยู่ที่นั่น
วิธีที่จะช่วยสามารถแก้ปัญหานี้ได้คือ ‘การการพยายามสื่อสารเนื้อความเดียวกันโดยใช้ หลายๆภาษา’ ยกตัวอย่างเช่นบริษัทญี่ปุ่นญี่ปุ่นในประเทศไทยบริษัทหนึ่ง จะทําบันทึกการ ประชุมทุกครั้งด้วย 3 ภาษา คือ ภาษาญ่ีปุ่น ไทย อังกฤษ ซึ่งต้องใช้ความพยายามเป็น อย่างสูง แต่อาจจะเป็นสิ่งที่จําเป็นต้องทําเพื่อสร้างให้เกิดการ ‘สร้างประสบการณ์ร่วมกัน ของคนในองค์กร’ ของคนในองค์กร

บทความน้ีก็เช่นเดียวกัน พวกผมต้ังใจอุตส่าห์ทําเป็น 2 ภาษา คือ ภาษาไทยและญี่ปุ่น เพราะความตั้งใจที่อยากจะช่วยสร้างให้คนไทยและคนญี่ปุ่นเกิดความเข้าใจกันได้มากยิ่งๆ ข้ึนไป ทุกคนก็เช่นเดียวกัน เวลาที่มีการประชุมกันหรือฝึกอบรมสัมมนาต่างๆร่วมกัน อยาก ให้สังเกตุและคิดอยู่เสมอว่า ‘ตอนน้ีทีมของเรากําลังเห็นภาพอะไรร่วมกันอยู่? พวกเราเข้าใจ ตรงกันแล้วหรือยัง?’ เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ช่วยทําให้องค์กรเดินไปในทิศทางเดียวกันได้ อย่างมีพลังครับ

Asian Identity’s Team Building Services

Asian Identity ให้บริการที่ปรึกษา ออกแบบ และการจัดกิจกรรมเพื่อการ สร้างทีม ไม่ว่าจะเป็นทีมงานโปรเจค ทีม ในระดับแผนก ทีมผู้บริหารและผู้จัดการ

เราได้เข้ามีส่วนรวมเพื่อช่วยให้ทั้งการตั้ง ทีมใหม่ และหล่อหลอมทีมเก่า ให้ทุกคนมี ความเข้าใจซึ่งกันและกัน มีแนวทางใน การทํางานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมถึงร่วมสร้างวิสัยทัศน์ และคุณค่าที่ จะยึดถือร่วมกันในทีมของตนเอง เพื่อให้ ทุกคนมุ่งหน้าเพื่อเป้าหมายของทีมใน ทางเดียวกันด้วยกันทุกคนค่ะ

JI-ATAMA Logical Thinking Public Workshop

ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ AI College ได้จัด Public Workshop ในหัวข้อ “JI-ATAMA Logical Thinking Workshop(JAL)” ซึ่งเป็น เวิร์คชอบที่เน้นไปที่ “วิธีการคิดวิเคราะห์” ค่ะ โดยหลักสูตรนี้ได้พัฒนามาสําหรับเพื่อใช้ในการตัดสินใจ แก้ปัญหา และวางแผนงานไม่ว่าจะเป็น ระดับผู้จัดการ หัวหน้าทีม หรือผู้ปฏิบัติิงานที่ต้องอาศัยการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบค่ะ

เมื่อคุณมีประสบการณ์ในการทํางานมากขึ้น งานที่ได้รับมอบหมายย่อมมีความยาก ความซับซ้อน หรือแม้กระทั่งเป็นสิ่งใหม่ที่คุณไม่เคยทํามา ก่อน ผู้ที่จะทํางานดังกล่าวได้ดี ไม่สามารถอาศัยเพียงประสบการณ์หรือความรู้ แต่ต้องใช้ทักษะในการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ หาคําตอบ ด้วยตัวเอง ตั้งกรอบความคิดเพื่อให้คิดงานสําเร็จลุล่วงได้ตามเป้าหมาย

ร่วมเดินทางสู่โลกแห่งความคิดวิเคราะห์ เพื่อค้นพบวิธีการใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆ ผ่านทักษะการจัดระเบียบความคิดที่คุณจะได้เรียนรู้และฝึกฝน ผ่านกิจกรรมทางความคิดที่ถูกออกแบบไว้เป็นอย่างดี เพื่อให้คุณพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายใหม่ๆที่คุณต้องพบเจอในการทํางาน

 

[content_block id=1898 title=yes title_tag=h3]